แนวความคิดจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีเกิดขึ้นมาจากการมหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร ลงพื้นที่ดำเนินการวิจัยทำการสำรวจและเก็บข้อมูลแบบสอบถาม รวมถึงได้ทำการการวิจัยในเบื้องต้น พบว่า จากฤดูแล้งในปี 2559 ที่ผ่านมาเกษตรกรประสบกับปัญหาต้นทุเรียนยืนต้นตาย เนื่องจากฝนทิ้งช่วงในฤดูแล้ง โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 5 เดือนที่ฝนไม่ตก เกษตรกรประสบปัญหาไม่มีน้ำรดต้นทุเรียน จนถึงกระทั่งเกษตรกรต้องซื้อน้ำมารดต้นทุเรียน แต่ก็ไม่เพียงพออีกทั้งค่าขนส่งน้ำไปยังแปลงมีระยะทางไกลมาก จึงเป็นที่มาของโครงการเทคโนโลยี Smart Farming โดยการบริหารจัดการระบบการให้น้ำแบบอัจฉริยะในสวนทุเรียนอย่างยั่งยืน
การดำเนินกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนงานวิจัย การถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบการให้น้ำ Smart Farming ในสวนทุเรียน บรรลุเป้าหมายผลผลิต/ผลลัพธ์ของโครงการที่ตั้งไว้ทุกตัวชี้วัด โดยมีผู้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีทั้งหมด 120 คน ผลการดำเนินโครงการโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยี Smart Farming โดยการบริหารจัดการระบบการให้น้ำแบบอัจฉริยะในสวนทุเรียนอย่างยั่งยืน เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการบริหารจัดการน้ำให้กับเกษตรกร พบว่า ร้อยละความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมการอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 87.31 ร้อยละของการนำไปใช้ประโยชน์ของผู้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีร้อยละ 100 และจำนวนสถานประกอบการที่นำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ 1 แห่ง ส่วนสัดส่วนผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากการดำเนินงานโครงการเปรียบเทียบกับงบประมาณที่ได้รับ คือ 27.55 เท่า และส่งผลให้เกษตรกรเล็งเห็นความสำคัญของการบริการจัดการน้ำ โดยมาใช้ระบบการให้น้ำแบบ Smart Farming ในสวนทุเรียน สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำของต้นทุเรียนที่ยืนต้นตาย ซึ่งเป็นการลดรายจ่ายในช่วงแล้งที่เกษตรกรต้องเสียต้นทุนค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำเป็นจำนวนมาก สามารถลดการร่วงของดอกทุเรียน และเพิ่มการติดดอกออกผลให้กับทุเรียน ทำให้สามารถเพิ่มผลผลิตทุเรียน และส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 30 เกิดต้นแบบแปลงระบบการให้น้ำแบบอัจฉริยะให้กับชุมชน ที่จะช่วยให้สามารถยกระดับผลผลิต ใช้ปัจจัยการผลิตที่มีประสิทธิภาพ และมีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง แม่นยำ มีมาตรฐานมากขึ้น โดยสามารถลดต้นทุนปัจจัยในการผลิต นอกจากจะทำให้ช่วยลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สร้างความยั่งยืนในอาชีพของเกษตรกรแล้วยังสามารถ และทำให้เกษตรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ