พื้นที่ภาคเหนือถือเป็นที่มีป่ามากที่สุดในประเทศไทย ด้วยแรงกดดันทางเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้เกษตรกรใช้พื้นที่ป่าในการทำการเกษตรเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดน่าน มีการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มากกว่า ๑ ล้านไร่ จากการเตรียมดินเพื่อการปลูกข้าวโพดด้วยวิธีการเผาทำให้เกิดปัญหาหมอกควันใน ภาคเหนือ การปลูกหญ้าเนเปียร์สามารถตอบปัญหาหมอกควันได้เนื่องจากไม่มีการเผาเพื่อเตรียมดิน เหมือนการปลูกข้าวโพดเนื่องจากเป็นการปลูกเพียงครั้งเดียว ส่วนด้านเศรษฐกิจ สำหรับเกษตรกร การ ปลูกหญ้าเนเปียร์ช่วยในเกษตรกรสามารถเลี้ยงโคเนื้อได้โดยไม่ต้องปล่อยวัวในพื้นที่สาธารณะ หรือในป่าที่ทำได้ยากในสถานการณ์ปัจจุบัน ถึงแม้ว่าการเลี้ยงโคเนื้อจะให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงกว่าการปลูก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มากกว่ามากก็ตาม ดังนั้นวัตถุประสงค์ของการถ่ายทอดเทคโนโลยีครั้งนี้คือเทคนิคใน การปลูกหญ้าเนเปียร์เพื่อเป็นอาหารโคพื้นเมือง หรือโคลูกผสม โดยเลือกพื้นที่การทำงานที่ตำบลนาเหลือง ใน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เป็นพื้นที่ศึกษา โดยมีคณะทำงานประกอบด้วย ปัญญาวัฒณ์ อุดราช, ประทีป อินแสง, วสันต์ ศิริพูล, นครินทร์ ดำรงภคสกุล, อัมพิกา สวนสอน, ทรงเชาว์ อินสมพันธ์ และ เพทาย พงษ์เพียจันทร์ ส่วนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีจำนวน ๔๔ ครัวเรือน แต่ละครัวเรือนปลูก หญ้าเนเปียร์ในพื้นที่ ๒ ไร่ เกษตรกรเป็นกลุ่มที่มีกิจกรรมธนาคารต้นไม้ ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อ พื้นเมือง และมีการปลูกยางพาราเป็นอาชีพเสริม มีการนําท่อนพันธุ์หญ้าเนเปียร์สายพันธุ์ปากช่อง ๑ จาก สถานีบํารุงพันธุ์สัตว์ จังหวัดแพร่ โดยมีการเตรียมดินแบบไถ พรวน และปลูกด้วยท่อนพันธุ์ระยะ ๒๕ × ๕๐ เซนติเมตร การจัดการแปลงหญ้าแบ่งเป็น ๒ กลุ่ม: (๑) ไม่มีการให้น้ำ และไม่มีการให้ปุ๋ย และ (๒) มีการให้น้ำ หรือมีการให้ปุ๋ย หรือมีการให้ทั้งน้ำและปุ๋ย ทำการสุ่มวัดผลผลิตจาก ๑๐ ฟาร์ม จากนั้น คำนวณผลผลิตจากการเก็บเกี่ยว ๓ ครั้งเพื่อให้ตรงกับการทำเกษตรน้ำฝนประมาณ ๕ – ๖ เดือน/ปี ผล การจัดการความรู้พบว่า กลุ่มแรก เกษตรกรสามารถผลิตหญ้าเนเปียร์ได้เฉลี่ย ๗๑ ตัน/๒ไร่ เลี้ยงโคเนื้อ พื้นเมืองได้ ๖.๕ ตัว/ปี (โคกินอาหารวันละ ๓๐ กก. หนึ่งปีกินหญ้า ๑๐.๑ ตัน/ตัว) ณ ปัจจุบัน โค ๑ ตัวให้ มูลค่า ๗,๕๐๐ บาท/ปี (โคอายุ ๒ ปีขายได้ที่ราคา ๑๕,๐๐๐ บาท) ดังนั้นเกษตรกรในกลุ่มแรกสามารถ สร้างรายได้จากการเลี้ยงโคพื้นเมืองด้วยหญ้าเนเปียร์ที่ปลูกบนพื้นที่ ๒ ไร่ ได้ ๔๘,๗๕๐ บาท/ครัวเรือน ส่วนกลุ่มที่สอง ที่ใส่ปัจจัยการผลิตแบบให้น้ำ หรือให้ปุ๋ย หรือให้ทั้งน้ำและปุ๋ย สามารถเกษตรกรสามารถ ผลิตหญ้าเนเปียร์ได้เฉลี่ย ๒๑๖.๔ ตัน/๒ไร่ เลี้ยงโคเนื้อพื้นเมืองได้ ๒๑.๔ ตัว/ปี สามารถสร้างรายได้จาก การเลี้ยงโคพื้นเมืองด้วยหญ้าเนเปียร์ ได้ ๑๖๐,๙๓๐ บาท/๒ ไร่/ครัวเรือน อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาใน ภาพรวมของทั้งสองกลุ่มรวมกัน เกษตรกรที่ตำบลนาเหลืองใน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่านมีศักยภาพในการสร้างรายได้จากการปลูกหญ้าเนเปียร์เลี้ยงโคเนื้อได้ ได้เฉลี่ย ๑๙๓.๗ ตัน/๒ไร่ เลี้ยงโคเนื้อพื้นเมือง ได้ ๑๙.๒ ตัว/ปี สามารถสร้างรายได้จากการเลี้ยงโคพื้นเมืองด้วยหญ้าเนเปียร์ ได้ ๑๔๓,๘๓๖ บาท/๒ ไร่/ ครัวเรือน นอกจากนั้นยังมีรายได้จากการขายมูลโคอีก ๕๗,๖๐๐ บาท/ปี (โค ๑ ตัวให้มูล ๑๕,๐๐๐ กก. ราคามูลโค ๒ บาท/กก. ดังนั้นโคให้มูลโคมูลค่า ๓,๐๐๐ บาท/ตัว/ปี) สรุปโดยรวมการเลี้ยงโคพื้นเมือง จากการปลูกหญ้าเนเปียร์ ๒ ไร่ มีศักยภาพในการสร้างรายได้ ๒๐๑,๔๓๖ บาท/ปี การปลูกหญ้าเนเปียร์ เพื่อเลี้ยงโคเนื้อสามารถสร้างรายได้มากกว่าการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ถึง ๔๒๙ เท่า ทุกๆ ๑ บาทที่รัฐ ลงทุนไปกับการจัดการความรู้ให้กับเกษตรกรจะได้ผลตอบแทนกลับมา ๒๕ บาท