ตามรายงานในแผนพัฒนาภาคใต้ชายแดนในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) พบว่าสภาพเศรษฐกิจและรายได้ของชายแดนใต้ทรุดลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ที่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นมาอย่างยาวนานกว่า 16 ปี ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และราคายางพาราซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของพื้นที่มีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา การเลี้ยงโคเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร เนื่องจากประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ร้อยละ 80 นับถือศาสนาอิสลาม มีการบริโภคเนื้อโคในครัวเรือนและใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา และมีโอกาสพัฒนาเป็นอาชีพหลักเพื่อการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือมาเลเซียซึ่งมีความต้องการนาเข้าโคเนื้อจากประเทศไทยเป็นจานวนมากในแต่ละปี
แม้ภาครัฐจะได้ดาเนินโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อในพื้นที่มาโดยตลอด แต่ปริมาณการเลี้ยงโคเนื้อชายแดนใต้ก็ไม่เพิ่มขึ้น และไม่เพียงพอสาหรับการบริโภค ยังต้องนาเข้าโคเนื้อจากภาคกลางตอนบนตลอดมา สาเหตุสาคัญเนื่องจากเกษตรกรชายแดนใต้ส่วนใหญ่เลี้ยงโคเป็นอาชีพเสริมเพียงครอบครัวละ 2-3 ตัว ยังขาดความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงโคเนื้อให้มีคุณภาพ และยังเลี้ยงแบบดั้งเดิม คือปล่อยทุ่ง รวมทั้งขาดการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อสร้างความเข้มแข็งและการพัฒนาอาชีพ
มูลนิธิสุข แก้ว แก้วแดง เป็นองค์กรสาธารณกุศล ที่ได้ทาการวิจัยและทดลองเลี้ยงโคเนื้อพันธุ์วากิว (โคญี่ปุุน) ตั้งแต่ พ.ศ. 2556 เพื่อเป็นต้นแบบในการเลี้ยงโคคุณภาพให้กับเกษตรกรในพื้นที่ และเห็นว่าการส่งเสริมให้เกษตรกรมีการเรียนรู้ด้วยตนเองจะเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน และสาคัญที่สุดคือเกษตรกรไทยพุทธและไทยมุสลิมจะได้มีกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งจะนาไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข จึงเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการเลี้ยงโคเนื้อแก่เกษตรกรในพื้นที่ เช่น การเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพแบบยืนโรง การเลี้ยงโคเนื้อวากิว การทาอาหาร TMR สาหรับโคเนื้อ การปูองกันโรค การผสมเทียมและการคัดเลือกสายพันธุ์ เป็นต้น
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2561 สานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ได้มอบหมายให้มูลนิธิสุข แก้ว แก้วแดง ทาหน้าที่เป็นศูนย์วิจัยชุมชน เพื่อทาหน้าที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผลวิจัยสู่เกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อ มูลนิธิฯ จึงได้จัดตั้ง “ศูนย์วิจัยชุมชนและการเรียนรู้การเลี้ยงโคเนื้อชายแดนใต้” ขึ้น และได้รับอนุมัติจากสานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ให้ดาเนินงาน “โครงการวิจัยและเรียนรู้การเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพเพื่อความมั่งคั่งของเกษตรกรชายแดนใต้” ระหว่างวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 ถึงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 เพื่อส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรให้สามารถทาการวิจัยและพัฒนาการเลี้ยงโคเนื้อชายแดนใต้ ให้มีความต่อเนื่องและเป็นการพัฒนาเกษตรกรอย่างยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
- เพื่อให้ศูนย์วิจัยและการเรียนรู้การเลี้ยงโคเนื้อชายแดนใต้ ยะลาวากิวฟาร์ม ทาการวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่เกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อ และเป็นต้นแบบในการส่งเสริมเกษตรกรให้รู้จักพัฒนาการเลี้ยงโคเนื้อโดยใช้การวิจัยเป็นเครื่องมือ
- เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มเกษตรกรที่เข้มแข็ง มีศักยภาพ และมีจิตสาธารณะ เป็น “เครือข่ายศูนย์วิจัยชุมชนและเรียนรู้การเลี้ยงโคเนื้อชายแดนใต้” ทาการวิจัยเพื่อพัฒนาการเลี้ยงโคเนื้อเชิงคุณภาพ และร่วมถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผลวิจัยสู่เกษตรกรอื่นๆ
- เพื่อจัดทาข้อเสนอเชิงนโยบายการส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อชายแดนใต้ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
วิธีการดาเนินงาน ประกอบด้วย การถ่ายทอดองค์ความรู้ การส่งเสริมเกษตรกรทาการวิจัย การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการจัดการความรู้ การนิเทศ ให้คาแนะนา และติดตามผล การสัมมนานาเสนอผลงาน และการถอดบทเรียน โดยร่วมดาเนินงานกับหน่วยงานหลัก ได้แก่ หน่วยงานด้านปศุสัตว์ ซึ่งรับผิดชอบส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อโดยตรง สถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ ซึ่งมีบทบาทในการสอนและทาวิจัยเกี่ยวกับโคเนื้อ