การเลี้ยงโคเนื้อในเขตจังหวัดร้อยเอ็ดส่วนใหญ่เป็นการเลี้ยงโดยเกษตรกรรายย่อย หรือการรวมกลุ่ม ของเกษตรกรในจังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ดมีโคเนื้อจำนวน 219,419 ตัว ผู้เลี้ยงโคเนื้อจำนวน 49,980 ครัวเรือน กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินกิจกรรม ด้านการผลิตและจำหน่ายโคต้นน้ำ ได้แก่ โคแม่พันธุ์เพื่อผลิตลูก โคกลางน้ำได้แก่ โคเนื้อ โคขุน และผลิตอาหาร สัตว์โดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น การพัฒนาการนำใช้วัตถุดิบที่มีในท้องถิ่นเพื่อนำมาเป็นอาหารสัตว์เพื่อลดต้นทุน การผลิตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในการลดต้นทุนการผลิต เป็นการสร้างการ กระจายรายได้ให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นและที่สำคัญเป็นการผลิตที่เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหลวง รัชกาลที่ 9 ทำให้อาชีพการเลี้ยงโคเนื้อได้รับการ สนับสนุนจากหน่วยงานของภาครัฐโดยผ่านโครงการธนาคารโค-กระบือ ตามแนวพระราชดำริ เพื่อช่วยเหลือ เกษตรกรผู้ยากจนได้มีโอกาสมีโค กระบือไว้ใช้แรงงานเป็นของตนเอง การเลี้ยงโคเนื้อ กระบือ ถือเป็นช่องทาง สร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเพิ่มขึ้น สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการประกอบอาชีพเกษตร เชิงเดี่ยวได้ ส่งเสริมการใช้มูลโค-กระบือเป็นปุ๋ยคอกปรับปรุงบำรุงดินในไร่นา เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทาง การเกษตรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โครงการการถ่ายทอดองค์ความรู้และนวัตกรรมการผลิตอาหารอัดเม็ด คุณภาพสูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ อย่างยั่งยืน ซึ่งวัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตอาหารสำหรับโคเนื้อแก่เกษตรกรและ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดร้อยเอ็ด และเพื่อสร้างคู่มือองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตอาหารอาหาร อัดเม็ดคุณภาพสูงและอาหารสัตว์ต้นทุนต่ำโดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นสำหรับเป็นอาหารโคเนื้อ สำหรับองค์ความรู้ และนวัตกรรมที่จะถ่ายทอดสู่กลุ่มเกษตรกรได้แก่ การผลิตอาหารอัดเม็ดคุณภาพสูง การผลิตอาหารข้นผสมใช้ เองภายในฟาร์ม การผลิตอาหารหมักคุณภาพสูง และการผลิตอาหารก้อนคุณภาพสูงสมุนไพร โดยเกษตรกรที่ ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งหมดจำนวน 240 คน เกษตรกรที่เข้าร่วมรับการถ่ายทอดองค์ความรู้มีผลการ ทดสอบความรู้ก่อนรับการถ่ายทอดองค์ความรู้เท่ากับร้อยละ 35.4 มีค่าผลการทดสอบหลังรับการถ่ายทอดองค์ ความรู้เท่ากับร้อยละ 78.3 ซึ่งผู้เข้ารับการอบรมมีค่าผลการทดสอบหลังรับการถ่ายทอดองค์ความรู้สูงกว่าก่อน รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ร้อยละ 42.9 นอกจากนี้ผลการประเมินความพึงพอใจและการนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ในระดับความพึงพอใจมากที่สุดเกษตรกรสามารถนำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมไปใช้ปฏิบัติได้ใน ฟาร์มของตนเอง หลังจากการถ่ายทอดองค์ความรู้ได้มีการติดตามติดตามประเมินผลการนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ ประโยชน์พบว่า ความรู้ที่ได้รับสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการจัดการด้านอาหารโคเนื้อโดยสามารถลด ค่าใช้จ่ายด้านอาหารลงได้มากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 27.0 การอบรมถ่ายทอดในครั้งนี้ได้รับความสนใจจาก เกษตรกรเป็นอย่างมาก เกิดการสร้างเครือข่ายเกษตรกรเพื่อนำองค์ความรู้ไปขยายผลให้กับเกษตรกรผู้ที่สนใจ เข้าร่วมโครงการเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตโคเนื้อลดรายจ่ายสร้างรายได้และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน