จากสถานการณ์การเลี้ยงกระบือในปัจจุบันมีจานวนการเลี้ยงลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ปริมาณความต้องการบริโภคเนื้อทั้งในประเทศ และต่างประเทศกลับมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ทาให้เกษตรกรผู้ประกอบอาชีพการเลี้ยงกระบือคุณภาพได้รับผลตอบแทนจากการเลี้ยงเป็นอย่างดี และเกษตรกรผู้เลี้ยงยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานของภาครัฐโดยผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการธนาคารโคกระบือ เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตลูกระบือ และเนื้อกระบือขาย ให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด การเลี้ยงกระบือคุณภาพในภาคเหนือตอนบนได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนเขต 2 คือ พะเยา เชียงราย แพร่ และน่าน โดยปัจจุบันมีระบบการเลี้ยงแบบปล่อยไล่ทุ่งแทะเล็มตามธรรมชาติ ไม่นิยมการผสมเทียมเพราะการจับสัดในกระบือเพื่อหาเวลาที่เหมาะสมในการผสมเทียมนั้นทำได้ยาก เกษตรกรจึงผสมพันธุ์กระบือโดยใช้พ่อพันธุ์คุมฝูง แต่วิธีการผสมแบบธรรมชาติมีข้อเสียคือ ลูกกระบือไม่มีความหลากหลายทางพันธุกรรม เกิดการผสมแบบเลือดชิดทำให้ลูกที่ได้มีขนาดตัวเล็ก โตช้า อ่อนแอ ใช้เวลาเลี้ยงนาน และมีกำไรน้อย จึงเป็นที่มาของ โครงการการจัดการความรู้เพื่อเพิ่มจำนวนและคุณภาพการผลิตกระบือในภาคเหนือตอนบน โดยการนำองค์ความรู้ แล้วการอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้/เทคโนโลยีสู่เกษตรกร อย่างเป็นระบบจะช่วยให้มีผู้ประสานงานและตัวแทนกลุ่มที่เข็มแข็งเพื่อดำเนินงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แก้ไขปัญหา ในการดำเนินงานคณะผู้วิจัยได้มีการสังเคราะห์องค์ความรู้ และลงพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาต่าง ๆ สำหรับการประกอบอาชีพการเลี้ยงกระบือของเกษตรกรในเขตภาคเหนือตอนบน (พะเยา เชียงราย แพร่ น่าน) เพื่อนำมากำหนดวัตถุประสงค์ของการจัดอบรมและถ่ายทอดองค์ความรู้ ได้ดำเนินการจัดทำคู่มือ และคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายเพื่อจัดอบรม โดยเริ่มจากการวางแผนถ่ายทอดองค์ความรู้ ซึ่งมีหัวข้อในการอบรม หลักสูตรที่ 1 (1. การเลี้ยงกระบือแม่พันธุ์ 2. พันธุ์กระบือที่เลี้ยง การคัดเลือกกระบือ 3. การเจริญพันธุ์ การเป็นสัด การเหนี่ยวนาการเป็นสัด 4. การผสมเทียมกระบือ 5. การตั้งท้องและการเลี้ยงลูก) หลักสูตรที่ 2 (1. พันธุ์หญ้าอาหารสัตว์ 2. การปลูกและดูแลแปลงหญ้า3. การเก็บถนอมหญ้า)
เมื่อจัดการอบรมเสร็จสิ้นคณะผู้วิจัยได้ดำเนินการออกหน่วยลงพื้นที่หน่วยนำการเป็นสัดและผสมเทียม เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร ผลการทดลองพบว่า เกษตรกรที่เข้าร่วมมีความพึงพอใจร้อยละ 85% หลังจากออกหน่วยลงพื้นที่ตรวจระบบสืบพันธุ์ พบว่า กระบือแม่พันธุ์ของเกษตรกรในเขตภาคเหนือ (พะเยา เชียงราย แพร่) สภาพรังไข่ขนาดสมบูรณ์ร้อยละ 71.43, 60.00 และ 52.94 ตามลำดับ หลังจากนั้นได้มีการปฏิบัติงานลงพื้นที่เพื่อเหนี่ยวนำตามโปรแกรมและทำการผสมเทียมในเขตพื้นที่ จากการติดตามผลลูกกระบือที่เกิดของเกษตรกรในแต่ละฟาร์มมีน้ำหนักและร่างกายที่สมบูรณ์ซึ่งเป็นที่พึงพอใจของผู้เลี้ยง การถ่ายทอดองค์ความรู้ในครั้งนี้เกษตรกรมีความสนใจเป็นอย่างยิ่ง และมีเกษตรกรอีกหลายรายที่สนใจเข้าร่วมโครงการเพื่อจะนำความรู้ที่ได้จากการอบรมไปขยายผลและพัฒนาอาชีพการเลี้ยงกระบือให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของตลาดพื้นที่ภาคเหนือและความต้องการในประเทศต่อไป