กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการใช้งานระบบรู้จำเสียงพูดอัตโนมัติ (Auto Speech Recognition) เพื่อภารกิจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบบรู้จำเสียงพูดอัตโนมัติเป็นการแปลงเสียงจากคำพูดให้กลายเป็นตัวหนังสือได้อย่างแม่นยำ โดยการพูดภาษาให้ชัดเจนก็สามารถแปลงเป็นตัวเขียนได้ซึ่งจะเป็นการลดเวลาการทำงานของหน่วยงานหลาย ๆ หน่วยงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือหน่วยงานต่าง ๆ ในกระทรวงยุติธรรมได้โดยไม่จำเป็นต้องไปนั่งฟังและพิมพ์ตาม ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองเวลาและทำงานซ้ำซ้อนหลายขั้นตอน จึงได้ดำเนินโครงการออกแบบและสร้างระบบรู้จำเสียงพูดอัตโนมัติ ระยะที่ 1 ขึ้นโดยโครงการวิจัยนี้ได้รับงบประมาณวิจัยจากสำนักกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 โครงการวิจัยฯ มีขั้นตอนการวิจัยตั้งแต่เริ่มนิยามปัญหาของการวิจัยโดยทีมวิจัยเข้ามาสำรวจความต้องการของผู้ใช้และรวบรวมข้อมูลที่ใช้ในการจัดทำระบบ จากนั้นจัดประชุมเพื่อรับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญเพื่อสรุปวางแผนเตรียมความพร้อมของการดำเนินงาน ทำการออกแบบและวิเคราะห์อัลกอริทึมเพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ พัฒนาซอฟต์แวร์ต้นแบบโดยเลือกใช้ระบบรู้จำเสียงพูดภาษาไทย “พาที (PARTII)” ของเนคเทคซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่สร้างโดยนักวิจัยไทย จึงเหมาะสมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ต้องการการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับ แตกต่างจากซอฟต์แวร์ต่างประเทศที่เครื่องแม่ข่าย (Server) อยู่ต่างประเทศที่ข้อมูลอาจไม่มีความมั่นคงปลอดภัยได้ เมื่อจัดทำโปรแกรมและระบบสำเร็จแล้วมีการทดสอบการใช้งานจากผู้ใช้งานและปรับปรุงระบบเพื่อความถูกต้องความสมบูรณ์ปลอดภัยและมีคุณภาพที่ดี ทำการรวบรวมข้อผิดพลาดและพัฒนาระบบปรับปรุงแก้ไขซอฟต์แวร์ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น ผ่านการประชุมเพื่อรายงานโครงการต่อผู้เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงได้รับทุนอุดหนุนการทำกิจกรรมส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ 2564 จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ สำหรับการถ่ายทอดความรู้ของระบบรู้จำเสียงพูดอัตโนมัติ ระยะที่ 1 ให้กับเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ในกระทรวงยุติธรรมให้สามารถใช้งานระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากผลของโครงการวิจัยฯ ทำให้ได้ระบบรู้จำเสียงพูดที่สามารถแปลงเสียงพูดให้เป็นตัวหนังสือได้ผ่านโปรแกรมไมโครซอฟท์เวิร์ดที่ใช้งานทั่วไปทั้งแบบเรียลไทม์ และสามารถนำไฟล์เสียงหรือวิดีโอส่งให้ระบบถอดข้อความเป็นตัวหนังสือได้ จึงสามารถนำมาใช้ในการสอบสวนหรือการถอดรายงานการประชุม ทำให้ลดระยะเวลาการทำงานส่งผลให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงจากการถ่ายทอดความรู้ในครั้งนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ในกระทรวงยุติธรรมมีประสบการณ์ในการใช้งานระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปใช้ในภารกิจของหน่วยงานต่อไป