ความต้องการบริโภคสินค้าอินทรีย์เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทุกปี จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการพัฒนากลยุทธ์ด้านการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งโดยปกติแล้วพื้นที่การผลิตเกษตรอินทรีย์จะได้รับการรับรองจากหน่วยตรวจรับรองบุคคลภายนอก (CB) เพื่อการส่งออกผลิตผลอินทรีย์เป็นหลัก แต่เกษตรกรไทยส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย ที่ถือครองที่ดินจำนวนไม่มาก จึงไม่สามารถเข้าถึงระบบการรับรองโดยหน่วยตรวจรับรองบุคคลภายนอก รวมทั้งไม่สามารถจำหน่ายผลิตผลของตนเองภายใต้การกล่าวอ้างว่าเป็นเกษตรอินทรีย์ได้ สหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติจึงได้พัฒนาระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วม (พีจีเอส) ซึ่งเป็นระบบรับประกันคุณภาพภายในท้องถิ่น และนำมาใช้ในการรับรองผู้ผลิตและฟาร์มเกษตรอินทรีย์ บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและสร้างขึ้นบนพื้นฐานของความไว้วางใจ เครือข่ายสังคม และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พี จี เอส ส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรอินทรีย์รายย่อยและผู้บริโภคทั่วโลก และมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี โครงการนี้จึงมีวัตถุประสงค์ในการถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีการผลิตสินค้าอินทรีย์และระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วม (พีจีเอส) รวมทั้งการประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่น ORGANIC LEDGER เป็นเครื่องมือสำหรับผู้ตรวจในการตรวจประเมินฟาร์มเกษตรอินทรีย์ภายในชุมชน ให้แก่กลุ่มเกษตรกรรายย่อยในจังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษ จำนวน 10 กลุ่ม รวม 300 คน ซึ่งโครงการนี้มีแผนความร่วมมือบูรณาการกับมูลนิธิเกษตรอินทรีย์ไทย และหน่วยงานท้องถิ่น คือ สำนักงานเกษตรจังหวัดอุบลราชธานี และสำนักงานเกษตรจังหวัดศรีสะเกษ สำหรับเป็นแหล่งองค์ความรู้และเป็นพี่เลี้ยงเกษตรกรภายในท้องถิ่นนั้น ๆ ผลที่ได้รับจากโครงการนี้ประกอบด้วย ร้อยละ 100 ของเกษตรกรรายย่อยผู้เข้าร่วมโครงการ นำองค์ความรู้ที่ได้รับจากการถ่ายทอดไปประยุกต์ใช้ในฟาร์มของตนเองและได้รับการรับรองมาตรฐานฟาร์มเกษตรอินทรีย์ ต่อจากนั้นการถ่ายทอดเทคโนโลยีกระบวนการผลิตเกษตรอินทรีย์และระบบการรับรองสินค้าอินทรีย์แบบมีส่วนร่วมสามารถขยายผลทำให้เกษตรกรอื่น ๆ นอกเหนือจากเป้าหมายของโครงการอีก 3,000 คน ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ กิจกรรมถ่ายทอดความรู้ในโครงการนี้ส่งเสริมสนับสนุนการสร้างชุมชนเกษตรกรรายย่อยในการเพิ่มพื้นที่การผลิตเกษตรอินทรีย์ที่ได้รับการรับรองประมาณ 50,000 ไร่ ให้มีการรับประกันคุณภาพสินค้าอินทรีย์ ราคาต่อหน่วยเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการขยายช่องทางตลาด ส่งผลให้เกษตรกรรายย่อยมีรายได้เพิ่มขึ้น 5-10 เปอร์เซ็นต์ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น