คดีโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ยังคงมีการโจรกรรมอย่างต่อเนื่อง และมีลักษณะของการโจรกรรมเป็นขบวนการหรือองค์กรอาชญากรรม มีเครือข่ายการกระทำความผิดทั้งในและนอกประเทศ โดยมีการปลอมแปลงสวมทะเบียนเลขตัวรถ ที่เกิดจากการทำลายโดยการขูดลบเลขตัวรถออกและมีการตอกตัวเลขใหม่เข้าไป ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยส่วนรวม เนื่องจากทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นทรัพย์สินที่มีราคาแพงและง่ายต่อการโจรกรรม เป็นที่ต้องการของตลาดรับซื้อผิดกฎหมายทั้งในและนอกประเทศอีกทั้งสภาพภูมิศาสตร์ของประเทศไทยมีแนวชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นระยะยาวประกอบกับความต้องการใช้รถที่ได้จากการโจรกรรมยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้มีการลักลอบนารถที่ถูกโจรกรรมส่งไปขายในประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดนมาก
นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ อีกมากมายตามมา เช่น เกิดจากการที่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ใช้งานนานทำให้มีสนิมกัดกร่อนตรงบริเวณเลขตัวรถ ช่างซ่อมรถรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โรงงานที่ตอกตัวเลข ตอกเลขตัวรถบางเกินไป เมื่อใช้งานเป็นระยะเวลานานตัวเลขจะเลือนหายไปและจากการโดนกรด หรือน้ำกลั่นจากแบตเตอรี่ เป็นต้น ดังนั้น การตรวจสอบทะเบียนเลขตัวรถ จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพราะสามารถหาเจ้าของรถหรือเชื่อมโยงไปสู่ผู้กระทำผิดหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีความนั้นได้ (Azlan Mohd. Zaili, Kuppuswamy et al., 2007) วิธีทั่วไปที่ใช้ในการกู้เลขหมายทะเบียนรถ คือ การใช้น้ำยาเคมี โดยน้ำยาเคมีจะมีสูตรหลากหลายขึ้นอยู่กับลักษณะของพื้นผิวของวัสดุที่มีการขูดลบแก้ไข ตัวอย่างเช่น การใช้กรดไนตริก (HNO3) ร่วมกับเฟอร์ริกคลอไรด์ (FeCl3) หรือการใช้กรดไฮโดรคลอริก (HCl) ร่วมกับคอปเปอร์คลอไรด์ (CuCl2) เป็นต้น (White R.M. et. al, 2015, Richa et. al, 2013) ซึ่งน้ำยาเคมีเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพในการกู้คืนเลขหมายทะเบียนได้ดี แต่อย่างไรก็ตามพบว่าในทุกๆ สูตรประกอบด้วยกรดแก่ที่มีฤทธิ์กัดกร่อนมาก ซึ่งไอของกรดแก่เหล่านี้ก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติงานหากมีการสูดดมหรือสัมผัสโดยตรง และสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือน้ำยาเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนนี้ไหลถูกบริเวณอื่นหรือบริเวณใกล้เคียงกับบริเวณที่ตรวจยอมส่งผลเสียกับอุปกรณ์ตัวอื่นที่จะถูกกัดกร่อนไปด้วย