โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตพลังงานเชื้อเพลิงชีวมวลจากเศษเปลือกมะม่วงหิมพานต์ที่เหลือทิ้งจากกระบวนการแปรรูปสำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงานในชุมชน เพื่อการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานตามแนวพระราชดำริด้วยรูปแบบการจัดการความรู้แบบมีส่วนร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการเศษเหลือทิ้งจากการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร โดยการนำมาใช้ประโยชน์โดยการแปรรูปเป็นพลังงานที่เหมาะสมกับชุมชน โดยได้ทำการขยายผลสู่การปฏิบัติด้วยรูปแบบการถ่ายทอดเทคโนโลยีแบบมีส่วนร่วมกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิต และแปรรูปผลิตภัณฑ์เม็ดมะม่วงหิมพานต์ในเขตพื้นที่อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายในการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจำนวน 150 คน โดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ร่วมกับการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) ผลจากการคิดต้นทุนการผลิตถ่านอัดแท่งจากเปลือกมะม่วงหิมพานต์ ในปริมาณ 1 กิโลกรัมจะมีต้นทุนในการผลิตเท่ากับ 8.11 บาท/กิโลกรัม ซึ่งถ่านอัดแท่งที่จำหน่ายโดยทั่วไปจะมีราคาขายที่กิโลกรัมละ 12 บาท ดังนั้นหากมีการผลิตเพื่อจำหน่ายผู้ผลิตถ่านอัดแท่งจากเปลือกมะม่วงหิมพานต์ จะมีกำไรเมื่อหักต้นทุนการผลิตเท่ากับ 3.89 บาท/กิโลกรัม เมื่อทำการวิเคราะห์ผลตอบแทนของเครื่องผลิตเชื้อเพลิงอัดแท่งจากเปลือกมะม่วงหิมพานต์ที่สร้างขึ้น ซึ่งมีอัตราการอัดแท่ง 60 กิโลกรัม/ชั่วโมง หรือผลิตถ่านได้ 15 กิโลกรัม/ชั่วโมง โดยทำงานวันละ 8 ชั่วโมง เฉลี่ย 6 วันต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 2,500 ชั่วโมง/ปี จะทำให้มีกำลังการผลิตถ่านเชื้อเพลิงอัดแท่งจากเปลือกมะม่วงหิมพานต์ 37,500 กิโลกรัม/ปี ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนสุทธิเท่ากับ 96,300 บาท และมีค่าใช้จ่ายรวมค่าใช้จ่ายต่อปี 244,982 บาท โดยผู้ผลิตจะมีรายได้จากการขายถ่านเชื้อเพลิงอัดแท่งจากเปลือกมะม่วงหิมพานต์ ที่ผลิตได้เท่ากับ 450,000 บาท/ปี ซึ่งเมื่อหักค่าใช้จ่ายจากลงทุนแล้วจะมีรายได้สุทธิจากการผลิตถ่านเชื้อเพลิงอัดแท่งจากเปลือกมะม่วงหิมพานต์ เท่ากับ 205,018 บาท/ปี และจากการวิเคราะห์ระยะเวลาในการคืนทุนแล้วผู้ผลิตจะมีระยะเวลาคืนทุนเท่ากับ 0.46 ปี หรือ 5.6 เดือน ผลจากการวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายในการลงทุนผลิตแก๊สซิไฟเออร์โดยใช้เศษเปลือกมะม่วงหิมพานต์เหลือทิ้งจากการแปรรูปมาเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเตาแก๊สซิไฟเออร์แบบเชื้อเพลิงนิ่ง หรือ Fixed bed Gasifier) ที่พัฒนามีค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000 บาท ต่อเตา ซึ่งถ้าประเมินว่าใน 1 วัน ใช้เตาแก๊สซิไฟเออร์ในการประกอบอาหารเช้าและเย็นวันละ 1 ชั่วโมง จะต้องใช้ใช้เปลือกมะม่วงหิมพานต์เป็นเชื้อเพลิง วันละ 10 กิโลกรัม (โดยที่เตาผลิตแก๊สซิไฟเออร์มีอัตราการกินเชื้อเพลิงเฉลี่ย 5 กิโลกรัมต่อเวลาการผลิตแก็สในเวลา 30 นาที)และถ้าเปลือกมะม่วงหิมพานต์กิโลกรัมละ 0.50 บาท จะเสียค่าใช้จ่ายสำหรับซื้อเชื้อเพลิงเปลือกมะม่วงหิมพานต์วันละ 5 บาท หรือเดือนละ 150 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้แก๊สหุงต้มเป็นเชื้อเพลิงในครอบครัวจำนวน 4 คน จะใช้แก๊สหุงต้มประมาณ 1 เดือนต่อถัง (ถังขนาด15 kg) ซึ่งปัจจุบัน แก๊สหุงต้มราคาประมาณ 380 บาท แสดงว่าใน 1 ปี จะสามารถประหยัดเงินได้เดือนละ 230 บาท ปีละ 2,760 บาท หรือจะสามารถคุ้มทุนได้ภายใน 2.4 ปี