การถ่ายทอดเทคโนโลยีไชยาโมเดล: โมเดลเครือข่ายระบบเฝ้าระวังดัชนีลูกน้ำยุงลายเพื่อแก้ปัญหาโรคไข้เลือดออกในจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีแนวคิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่แกนนำระดับอำเภอทั้ง 18 อำเภอจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในปีงบประมาณ 2560 โดยมีต้นแบบของการดำเนินการของอำเภอไชยา มีสื่อในการดำเนินการคือหนังสือ “ไชยาโมเดล: โมเดลเครือข่ายระบบเฝ้าระวังดัชนีลูกน้ำยุงลายเพื่อแก้ปัญหาโรคไข้เลือดออกอย่างยั่งยืนจากระดับอำเภอสู่จังหวัด” ที่เป็นตัวอย่างของอำเภอที่รับการถ่ายทอดฯ ที่มีความโดดเด่นของการทำงานเชิงเครือข่ายของกลุ่มคน 4 กลุ่มคือกลุ่มดำเนินการ กลุ่มทำงานศูนย์เฝ้าระวังที่มีการพัฒนางานประจำให้เป็นงานวิจัยเชิงพื้นที่ กลุ่มผู้ใช้ข้อมูลในการนำข้อมูลสร้างความตระหนักหรือการตื่นตัวในพื้นที่ และกลุ่มผู้สนับสนุนทั้งเชิงนโยบายและงบประมาณ องค์ความรู้ใหม่มีความสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่อำเภอไชยา สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ระดับอำเภอที่มีความสนใจในการแก้ปัญหาโรคไข้เลือดออก จำนวน 7 กิจกรรม นอกจากนี้ยังมีหนังสือ “การแก้ปัญหาโรคไข้เลือดออกอย่างยั่งยืน: ความรู้เบื้องต้นและการเฝ้าระวังดัชนีลูกน้ำยุงลาย” ซึ่งเหมาะกับการพัฒนาสมรรถนะด้านความรู้เบื้องต้นและการเฝ้าระวังดัชนีลูกน้ำยุงลายแก่ อสม. ในพื้นที่อำเภอนำร่องทั้ง 3 อำเภอ
ผลการดำเนินการถ่ายทอดฯ ในระดับอำเภอ ทางทีมวิจัยถ่ายทอดฯ ได้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการและการระดมสมองในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทั้ง 19 อำเภอ การถ่ายทอดฯ และปิดโครงการรวมทั้งหมด 1,139 คน ทำให้มีหลายอำเภอที่สนใจตอบรับในการนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ จำนวน 3 อำเภอนำร่อง ได้แก่ 1) “กาญจนดิษฐ์โมเดล” ดำเนินการในพื้นที่อำเภอกาญจนดิษฐ์จำนวน 7 กิจกรรมมีผู้เข้าร่วมดำเนินการ อสม. จำนวน 2,350 คน ในความรับผิดชอบของ 17 รพ.สต. และ 1 PCU ครอบคลุม 117 หมู่บ้านของ 13 ตำบล 2) “เวียงสระโมเดล” ดำเนินการในพื้นที่อำเภอเวียงสระ จำนวน 6 กิจกรรมมีผู้เข้าร่วมดำเนินการ
อสม. จำนวน 1,259 คน ในความรับผิดชอบของ 8 รพ.สต. และ 1 รพช. ครอบคลุม 64 หมู่บ้านของ 5 ตำบล และ 3) “พระแสงโมเดล” ดำเนินการในพื้นที่อำเภอสระแสง จำนวน 7 กิจกรรมมีผู้เข้าร่วมดำเนินการ อสม. จำนวน 1,200 คน ในความรับผิดชอบของ 14 รพ.สต. และ 1 รพช. ครอบคลุม 74 หมู่บ้านและ 6 ชุมชนของ 7 ตำบลทั้งนี้การประเมินผลในส่วนของการถ่ายทอดฯ พบความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรมอยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนผลผลิตและผลลัพธ์ของ 3 นำร่องจะเป็นไปตามแผนและบริบทของพื้นที่อำเภอนั้นๆ
โดยสรุปการดำเนินการเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดมีความก้าวหน้าจากช่วง 4 เดือนแรกของโครงการ และยังพบการดำเนินการอย่างต่อเนื่องของพื้นที่ทั้ง 3 อำเภอ ตลอดถึงการขยายผลการดำเนินการให้แก่ ตัวแทนจาก 23 อำเภอในจังหวัดนครศรีธรรมราช