การตั้งครรภ์และการคลอดเป็นภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นตามวุฒิภาวะและสถานการณ์ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทั้งทางด้านร่างกายจิตใจอารมณ์และสังคม ก่อให้เกิดความวิตกกังวลและหวาดกลัวเช่นกลัวความเจ็บปวดกลัวความพิการของบุตรกลัวตนเองและบุตรได้รับอันตรายหรือเสียชีวิตแต่จากการศึกษายังพบว่าผู้คลอดมุสลิมในจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ยังนิยมฝากครรภ์และคลอดกับผดุงครรภ์โบราณ เนื่องจากความเชื่อ ความศรัทธาในการฝากครรภ์และคลอดกับผดุงครรภ์โบราณ รวมทั้งความไม่เข้าใจระหว่างผู้คลอด ครอบครัว กับทีมสุขภาพมีผลทำให้ผู้ตั้งครรภ์ และผู้คลอด ไม่ได้รับการตอบสนองความต้องการการดูแลทางด้านจิตวิญญาณ หรือไม่ได้การส่งเสริมตามคุณค่าความเชื่อของตนเองจึงนิยมฝากครรภ์ และคลอดกับผดุงครรภ์โบราณ บางครั้งอาจเกิดอันตรายต่อผู้ตั้งครรภ์ ผู้คลอด และทารกในครรภ์ถึงขั้นเสียชีวิตได้ดังนั้นในการดูแลผู้ตั้งครรภ์ ผู้คลอด และทารก บุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลคือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านในชุมชน และนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3, 4 ที่ฝึกปฏิบัติงานในรายวิชาปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารก และการผดุงครรภ์ 1 และ 2 จึงจำเป็นจะต้องมีความเข้าใจพื้นฐานวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เพื่อให้สามารถเข้าใจ และตอบสนองความต้องการการดูแลทางด้านจิตวิญญาณในการส่งเสริมสุขภาพมารดาทารกในวิถีมุสลิมได้ กล่าวว่าหากบุคคลที่จะดูแลมีความเข้าใจในการดูแลด้านจิตวิญญาณโดยให้ความสนใจ พูดคุย สังเกตความต้องการของผู้ตั้งครรภ์ ผู้คลอด และให้ความช่วยเหลือ โดยไม่ละเลยในความศรัทธา ความเชื่อในศาสนา บุคคล หรือสิ่งของ ฯลฯจะทำให้สามารถดูแลผู้คลอดได้ครอบคลุมถึงมิติจิตวิญญาณและทำให้ลูกเกิดรอดแม่ปลอดภัย
ดังนั้นคณะผู้วิจัยจึงนำการถ่ายทอดเทคโนโลยีการส่งเสริมสุขภาพมารดาทารกในวิถีมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนใต้เพื่อสร้างความเข้มแข็งของชุมชนนี้ ไปประสานเพื่อใช้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข, อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และ นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ เพื่อสร้างความร่วมมือและเสนอกิจกรรมส่งเสริม สนับสนุนการวิจัย “การจัดการความรู้การวิจัยเพื่อการใช้ประโยชน์ด้านความมั่นคง”