การรวมกลุ่มการทำงานเพื่อพัฒนาความมั่นคงด้านสุขภาพของผู้สูงอายุในชุมชน พบว่า การจัดการความรู้ (knowledge management: KM) ถือเป็นยุทธศาสตร์การวิจัยอย่างหนึ่งในการนำเอาองค์ความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ของบุคคล ภูมิปัญญา หลักฐานเชิงประจักษ์ นวัตกรรม ที่เกี่ยวข้องและเป็นปัจจุบัน มาใช้ในการพัฒนา จัดระบบการดูแลสุขภาพให้เกิดขึ้นภายในชุมชนของตน (จำรูญ บริสุทธิ์, ศิรวัฒน์ จิระเดชประไพ, บัญญัติ ยงย่วน และ ผดุงชัย ภู่พัฒน์, 2557; สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, 2559) วางระบบและรากฐานในการดูแลให้เกิดขึ้นในชุมชน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างประสบการณ์ของบุคคล ก่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างแบบมีส่วนร่วม (Participation Learning) (นันทรัตน์ เจริญกุล, 2553; เวธกา กลิ่นวิชิต, ยุวดี รอดจากภัย, และ คนึงนิจ อุสิมาศ, 2560) ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ทุกภาคส่วนมีสิทธิที่จะเสนอความคิดเห็น ร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมตัดสินใจและร่วมลงมือปฏิบัติผ่านกระบวนการจัดการความรู้ (KM) เพื่อค้นหาศักยภาพ แหล่งประโยชน์ในชุมชนหรือ ทุนทางสังคม (เดชา ทำดี, ธนารักษ์ สุวรรณประพิศ และ วิลาวัณย์ เสนารัตน์, 2556) ร่วมกับการจัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือผู้ดูแลผู้สูงอายุ ให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็นในการดูแลผู้สูงอายุโรคเรื้อรัง ผ่านการเยี่ยมเยียนตามบ้าน พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการป้องกันโรค ให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการและสภาวะของผู้สูงอายุโรคเรื้อรังในชุมชน ซึ่งจะช่วยให้ผู้สูงอายุโรคเรื้อรังมีสุขภาวะที่ดีขึ้น ก่อให้เกิดรูปแบบการจัดความรู้ขึ้นและถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ได้นั้นมาใช้ประโยชน์ร่วมกันในชุมชน ก่อให้เกิดความมั่นคงภายใน มองเห็นคุณค่าของการดำเนินการ ซึ่งเป็นมิติสำคัญของความมั่นคงทางด้านสุขภาพ (กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข, 2561; อำพล จินดาวัฒนะ, 2561; World Bank Group, 2016) จากปัญหาและสถานการณ์ดังกล่าว
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพัฒนาระบบสุขภาพชุมชนเพื่อเสริมความความมั่นคงด้านสุขภาพแก่ผู้สูงอายุโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะระบบการดูแลผู้สูงอายุรองรับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ของภาคเหนือที่เร็วกว่าระดับประเทศ 10 ปี (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2559; สํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา, 2556) โดยผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของบุคคลในด้านประสบการณ์ ความเชื่อ ภูมิปัญญา ระหว่างผู้ปฏิบัติงาน ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการดูแลผู้สูงอายุ ร่วมกับหลักฐานเชิงประจักษ์ มาบริหารจัดการให้เป็นระบบ และจัดให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ และนำความรู้ที่ผ่านการจัดระบบ ถอดบทเรียนหรือสังเคราะห์แล้วนั้น มาสร้างระบบการดูแลผู้สูงอายุในชุมชนแบบบูรณาการ ขยายผลการจัดบริการให้เหมาะสมตามภาวะพึ่งพิงของผู้สูงอายุและตามบริบททางเศรษฐกิจ สังคม ความพร้อมของบริบทพื้นที่ โดยยังคงให้สมาชิกของครอบครัวเป็นผู้ดูแลหลัก ร่วมกับผู้ดูแล อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) หน่วยงานที่ให้บริการทางด้านสุขภาพ องค์กรส่วนท้องถิ่น และสถาบันการศึกษาในการสนับสนุนเทคโนโลยี และเครือข่าย เพื่อช่วยในการลดขั้นตอน ความซ้ำซ้อนของการปฏิบัติงาน พัฒนาการรูปแบบการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ ให้เกิดความยั่งยืนต่อระบบและลดภาระ ค่าใช้จ่ายของประเทศในการดูแลผู้สูงอายุระยาว (World Bank Group, 2016)