การจัดการความรู้เรื่อง “ศิลปะแห่งการเรียนรู้เชิงพุทธสู่ทางแห่งรักสำหรับเยาวชนที่ประสบความยาลำบาก” ที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์การเรียนรู้เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ หาแนวทางในการสร้างภูมิคุ้มกันเชิงจริยธรรมและคุณธรรมให้กับเยาวชนในสังคมไทยเป็นหลัก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับเยาวชนที่ประสบปัญหาความยากลำบากได้มีภูมิคุ้มกันเชิงคุณธรรมจริยธรรมและเสริมสร้างศักยภาพความรู้ ทักษะในการปฏิบัติงานให้กับเครือข่ายแม่ชีไทยพัฒน์ โดยใช้ศิลปะแห่งการเรียนรู้เชิงพุทธเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงาน ภายใต้การนำองค์ความรู้จากผลงานวิจัยและผลงานศึกษาที่เกี่ยวข้องมาเป็นแนวทางและสร้างชุดองค์ความรู้มาขับเคลื่อนเรียนรู้และปฏิบัติการสร้างการเปลี่ยนแปลงตามเป้าประสงค์ที่หมายไว้
คณะผู้วิจัยได้ออกแบบการจัดการความรู้ด้วยวิธีการ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ขั้นแรกคือ การสังเคราะห์องค์ความรู้สู่นวัตกรรมการเรียนรู้สร้างภูมิคุ้มกันเชิงจริยธรรมและคุณธรรมให้กับเยาวชนฯ กลุ่มเป้าหมาย ขั้นที่สองคือ การจัดฝึกอบรมครูนักจัดการเรียนรู้และ/หรือแม่ชีผู้ปฏิบัติงานด้านเด็กและเยาวชนภายใต้เครือข่ายแม่ชีไทยพัฒน์ 27 แห่งทั่วประเทศไทย และขั้นที่สามคือ การจัดฝึกอบรมเยาวชนฯ ในโครงการฯ ค่ายเยาวชน “ทางแห่งรัก” จำนวน 4 ครั้ง โดยจัดขึ้นที่ จ. ราชบุรี จ. กาญจนบุรี จ. ระยอง จ.กระบี่
ส่วนในด้านการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างครูนักจัดการเรียนรู้ ทางคณะผู้วิจัยได้มีภาคีในเครือข่ายแม่ชีไทยพัฒน์เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักและประเมินผลจากครูในโรงเรียนที่ทำงานด้านเด็กและเยาวชนที่ประสบกับปัญหาความยากลำบาก และส่วนของเยาวชนฯ กลุ่มเป้าหมายที่มาเข้าร่วมอบรมในค่ายเยาวชน “ทางแห่งรัก” เป็นกลุ่มเสี่ยงและกำลังตกอยู่ในสภาพปัญหาของการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โดยผ่านการคัดเลือกจากทางครูในโรงเรียนและบุคคลที่ใกล้ชิดให้เข้ามาสู่การอบรม
สำหรับการออกแบบและประเมินผลการเรียนรู้ ทางคณะผู้วิจัยได้ออกแบบการประเมินผลด้วยขั้นตอนวิธีการเชิงสำรวจ (แบบสอบถามก่อน-หลังในการเข้าร่วมกิจกรรม) การสังเกตการณ์ และการถอดบทเรียน เป็นตัวชี้วัดผลของการดำเนินกิจกรรมในแต่ละครั้ง กรอปกับการนำ “วงจรกระบวนการเรียนรู้แบบผ่านประสบการณ์” เข้ามาประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้และจัดกิจกรรมร่วมด้วย และนำมาวิเคราะห์-ตีความผลผลิตและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นภายใต้การดำเนินโครงการฯ “ทางแห่งรัก” ตลอดทั้งกระบวนการเพื่อนำมาอภิปรายผลการศึกษา
ผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นคือ การจัดการความรู้ได้ช่วยเสริมสร้างพลังและสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในเยาวชนที่ผ่านกระบวนการ และได้มีนวัตกรรมการเรียนรู้สร้างภูมิคุ้มกันเชิงจริยธรรมและคุณธรรมสำหรับเยาวชนฯ รวมถึงกลุ่มเป้าหมายและมีองค์ความรู้ ทักษะ เทคนิคและกระบวนการสำหรับครูนักจัดการเรียนรู้ ซึ่งทางโครงการฯ ได้ผลผลิตครูนักจัดการเรียนรู้จากการจัดฝึกอบรมครูครั้งที่ 1 จำนวน 21 คน และมีจำนวนครูนักจัดการเรียนรู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่และมีส่วนร่วมตลอดกระบวนการในการฝึกอบรมเยาวชนจำนวน 17 คน พร้อมกับการนำ “ศิลปะแห่งการเรียนรู้สู่ทางแห่งรัก” มาใช้กับกลุ่มเป้าหมายและพัฒนากระบวนการอย่างต่อเนื่อง สำหรับในการจัดค่ายเยาวชนฯ จำนวน 4 ครั้ง ทางโครงการฯ ได้ทำการอบรมเยาวชน เดิมทีทางคณะผู้วิจัยได้ออกแบบอบรมจำนวน 180 คน แต่ผลของการดำเนินงานมากขึ้นเป็นจำนวน 245 คน นับเป็นผลผลิตในการเรียนรู้ที่จะนำความรู้ ความเข้าใจ ทักษะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหา และการพัฒนาทักษะชีวิต น้อมนำมาเป็นต้นแบบให้กับชุมชน/สังคมได้ต่อไป
ข้อค้นพบสำคัญจากโครงการฯ มีอยู่สองประการคือ ประการแรกคือ ในกระบวนการเรียนรู้ด้วยการจัดการความรู้และผ่านการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ การฝึกอบรมเป็นเครื่องมือในการพัฒนาตนทั้ง ทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณพบว่า ส่วนของครูนักจัดการเรียนรู้ได้มีการเปลี่ยนแปลงตนโดยเฉพาะในเรื่องภาวะความเป็นผู้นำ มีความกล้าหาญ กล้าแสดงออกมากขึ้น เรียนรู้การอยู่ร่วมกับทีมในการทำงานร่วมกับผู้อื่นและปรับตัวให้สามารถเรียนรู้ เติมองค์ความรู้ ความสามารถในงานด้านเยาวชนได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการทำเข้าใจความหมายของคำว่ารักหรือ “ความเมตตา” ในพระพุทธศาสนาผ่านบทบาทของตนทื่ทำงานในโครงการฯ “ทางแห่งรัก” ลึกซึ้งขึ้น จนถึงตระหนักต่อปัญหาทางเพศที่เกิดขึ้นในสังคมไทยปัจจุบันได้เป็นอย่างดี และยังปรารถนาที่จะให้เด็กได้มี “สติ” รู้เท่าทันกับการป้องกัน มีภูมิคุ้มกันทางใจและกายให้มากขึ้น อีกทั้งในช่วงเวลาของการปฏิบัติงานในค่ายเยาวชนนั้น ครูนักจัดการเรียนรู้พบว่า ตนมีแรงบันดาลใจที่ได้พัฒนาตัวเองจากการที่เยาวชนฯ กลุ่มเป้าหมายเข้ามาสัมพันธ์ด้วยผ่านการทำงานเป็น “กลุ่ม” แบบเป็นมิตรภาพ ประการที่สอง ผลลัพธ์จากโครงการฯ ทางแห่งรัก ตลอดทั้งกระบวนการสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในเยาวชนฯ กลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะในเรื่อง “การเติมเต็มคุณค่าของความรักและคุณค่าของตนเอง” และรู้สึกไว้วางใจ เปิดใจในการเรียนรู้ร่วมกับโครงการฯ มากยิ่งขึ้น การเปลีแปลงที่เห็นได้ชัดจากโครงการฯ ของเยาวชนกลุ่มเป้าหมายคือ ความรักในตนเอง เรียนรู้จักที่จะไว้วางใจเพื่อน มีความกล้าหาญ เรียนรู้ในเรื่องของความสามัคคี ได้สัมผัสกับความอ่อนโยนภายในจิตใจและการรู้จักตนเองผ่านกิจกรรมต่างๆ รู้สึกมีความสุข สนุกสนาน เพลิดเพลินกับสิ่งที่ได้รับ และยังได้รับความรู้ ความเข้าใจ มุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่อง “เพศสัมพันธ์” สำหรับทางที่เยาวชนฯ กลุ่มเป้าหมายจะเลือกและก้าวเดินจะเป็น “พลัง” และเป็น “ทางแห่งรัก” ที่คอยโอบอุ้ม ให้โอกาส และดูแลพวกเขาเสมอ
นอกจากนั้น ผลกระเพื่อมของโครงการฯ สะท้อนการตอบรับจากพื้นที่ในชุมชน ครูในโรงเรียน ผู้อำนวยการในโรงเรียน หรือบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเชิงบวกและชื่นชมผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจากค่ายเยาวชนฯ เป็นอย่างดีทั้งในส่วนของรูปแบบ เนื้อหา วิธีการที่เหมาะสมกับเพศและวัยที่เด็กจะได้เกิดการเรียนรู้ในเรื่องของเพศศึกษาได้อย่างเหมาะสม และยังสะท้อนว่าเป็นรูปแบบที่มีความทันสมัยและสามารถนำธรรมะมาประยุกต์กับการเรียนรู้ให้เยาวชนฯ มีพัฒนาการในการเปลี่ยนแปลงและมีกิจกรรมง่ายต่อความเข้าใจต่อเยาวชนในสังคมไทย อีกทั้งยังทิ้งท้ายไว้ให้โครงการฯ ว่า อยากให้โครงการศิลปะแห่งการเรียนรู้เชิงพุทธสู่ทางแห่งรักสำหรับเยาวชนฯ นั้นขยายผลและมีอีกในหลายพื้นที่ของการศึกษาโรงเรียนในระบบให้มากยิ่งขึ้นจะได้มีเมล็ดพันธุ์ที่ดีงอกงามให้กับประเทศชาติ
ข้อเสนอแนะของทางโครงการฯ ในการจัดการความรู้ทั้งหมดที่ผ่านมา เห็นว่าควรจะสร้างความร่วมมือจากส่วนของครอบครัวด้วย ซึ่งถ้าหากพ่อแม่ได้เข้ามาอบรมและเรียนรู้ร่วมกับบุตรหลานก็จะช่วยให้เกิดความรู้ ความเข้าใจต่อปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และได้มุมมองการเรียนรู้ใหม่ๆ แบบเป็นกลุ่มสร้างสรรค์การเรียนรู้