การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาเครือข่ายโรงเรียนพัฒนาหลักสูตรรับมือโควิด-19 และแผ่นดินไหวเชียงรายที่เน้นสมรรถนะ ด้วยรูปแบบผสมผสานร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่ 2) ถอดบทเรียนผลการพัฒนาเครือข่ายโรงเรียน กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ครู นักเรียน และผู้ปกครองโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงภัย จังหวัดเชียงราย จำนวน 3 โรงเรียน ดำเนินการวิจัยด้วยกระบวนการวิจัยและพัฒนา 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 พัฒนาเครือข่ายโรงเรียน โดยใช้รูปแบบการพัฒนาเครือข่ายโรงเรียนจากรุ่น ซึ่งเริ่มจากการพัฒนา และสานพลังครูพี่เลี้ยงพัฒนาเครือข่ายโรงเรียนรุ่นที่ 3 จากโรงเรียนเครือข่ายรุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 จากนั้นฝึกอบรมครูพัฒนาหลักสูตรผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ แล้วนิเทศ ติดตามเสริมพลังการพัฒนาหลักสูตรทั้งแบบออนไลน์ และแบบเผชิญหน้าในพื้นที่โรงเรียน ระยะที่ 2 นำหลักสูตรไปใช้กับกลุ่มเป้าหมาย ระยะที่ 3 ถอดบทเรียน ผลการวิจัยพบว่า1. ผลการพัฒนาเครือข่ายโรงเรียนพัฒนาหลักสูตรรับมือโควิด-19 และแผ่นดินไหวเชียงรายที่เน้นสมรรถนะ พบว่า 1) เกิดเครือข่ายโรงเรียนพัฒนาหลักสูตรรับมือโควิด-19 และแผ่นดินไหวที่เน้นสมรรถนะที่เป็นเครือข่ายจากรุ่นสู่รุ่น รวมจำนวน 8 โรงเรียน ซึ่งมีโรงเรียนจากสังกัดองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มเข้ามา รวมถึงมีเครือข่ายด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งความสำเร็จเกิดจากการใช้แนวคิดระดมพลังเครือข่ายเชิงพื้นที่ 2) ครูทั้ง 3 มีความรู้ในการพัฒนาหลักสูตรรับมือโควิด-19 และแผ่นดินไหวที่เน้นสมรรถนะ หลังการฝึกอบรมสูงกว่าก่อนการฝึกอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ครูมีความสามารถในการพัฒนาหลักสูตร และความสามารถในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้รับมือโควิด-19 และแผ่นดินไหวที่เน้นสมรรถนะ อยู่ในระดับดี ซึ่งหลักสูตรของแต่ละโรงเรียนมีลักษณะเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะที่สามารถนำไปใช้ได้จริง มีความยืดหยุ่น และสอดคล้องกับบริบทโรงเรียน 3) นักเรียนทั้ง 3 โรงเรียนมีความรู้ในการรับมือโควิด-19 และแผ่นดินไหวหลังเข้าร่วมหลักสูตรสูงกว่าเข้าร่วมหลักสูตรอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 มีทักษะในการรับมือโควิด-19 และแผ่นดินไหวอยู่ในระดับพอใช้ และมีความตระหนักในการเตรียมความพร้อมรับมือการรับมือโควิด-19 และแผ่นดินไหวอยู่ในระดับมากที่สุด 4) ผู้ปกครองมีความรู้ในการรับมือโควิด-19 และแผ่นดินไหวหลังเข้าร่วมหลักสูตรสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 60 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. ผลการถอดบทเรียน พบว่า 1) โรงเรียนมีเครือข่ายในการพัฒนาหลักสูตรภัยพิบัติและได้นวัตกรรมหลักสูตรภัยพิบัติที่เน้นสมรรถนะ 2) เกิดเครือข่ายครูระหว่างโรงเรียนรุ่นที่ 1 รุ่นที่ 2 รุ่นที่ 3 และภายในโรงเรียนที่ร่วมมือรวมพลัง ช่วยเหลือกันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอนเพื่อรับมือ โควิด-19 และแผ่นดินไหวที่เน้นสมรรถนะผ่านการเรียนรู้เชิงรุกจนประสบความสำเร็จ 3) ครูตระหนักเห็นความสำคัญ เห็นประโยชน์ของการมีส่วนร่วมจัดการศึกษาลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติผ่านหลักสูตร มีกรอบความคิดแบบเติบโตต่อการพัฒนาหลักสูตรภัยพิบัติ และเห็นคุณค่าของวิชาชีพครูมากขึ้น 4) นักเรียนมีความตระหนักต่อการป้องกันตนเอง เตรียมความพร้อม และมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนในครอบครัว และผู้อื่นจากโควิด-19 แผ่นดินไหว และภัยพิบัติอื่น 5) ปัจจัยความสำเร็จ ได้แก่ ได้แก่ 5.1) ความพร้อม และความเข้าใจง่ายของชุดความรู้ในการพัฒนาหลักสูตร 5.2) ความไว้วางใจที่มีต่อคณะนักวิจัย ครูพี่เลี้ยงในพื้นที่ และเครือข่ายนักวิชาการต่างสาขาในการพัฒนาครูโรงเรียนเครือข่าย 5.3) ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ สร้างทีมนำ ทีมตาม สร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรทั้งโรงเรียนให้สอดคล้องกับบริบท และวัฒนธรรมการทำงานของโรงเรียน 5.4) การมองเห็นประโยชน์ร่วมกันของผู้บริหาร และครูที่มีต่อการโรงเรียน นักเรียน และชุมชนจากการพัฒนาหลักสูตร 5.5) ความยืดหยุ่น ความเป็นกัลยาณมิตร การสื่อสารเชิงบวกในการทำงานระหว่างคณะนักวิจัย และโรงเรียน