โครงการ “การถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตปุ๋ยหมักและพืชอินทรีย์ยั่งยืน โดยประยุกต์ใช้นวัตกรรมเครื่องผลิตปุ๋ยหมัก ในการเพิ่มศักยภาพการผลิต” ดำเนินการภายใต้ความร่วมมือของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดกิจกรรมการอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการผลิตปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยอินทรีย์/วัสดุปลูก โดยใช้นวัตกรรมเครื่องผลิตปุ๋ยหมัก มก-วช ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่มีอยู่ในประเทศ เพื่อการพัฒนาทักษะอาชีพเกษตรของประชาชนในภูมิภาค ดำเนินการส่งมอบงานวิจัยและนวัตกรรมเครื่องผลิตปุ๋ยหมัก และเครื่องตัดสับพืชสด/กิ่งไม้ จำนวน 16 ชุด เพื่อใช้ประโยชน์ในชุมชนที่เป็นพื้นที่รับผิดชอบของกอ.รมน. จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร เพชรบุรี อุตรดิตถ์ พะเยา เชียงใหม่ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และพัทลุง
จากการติดตามและประเมินผลพบว่ากลุ่มเกษตรกรมีการนำนวัตกรรมที่ได้รับไปใช้ผลิตปุ๋ยหมักโดยนำเอาวัสดุอินทรีย์และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่พบได้ทั่วไปในพื้นที่นั้นๆ อนึ่ง ผู้ใช้นวัตกรรมยอมรับว่าเครื่องผลิตปุ๋ยหมักมก-วช และเครื่องตัดสับพืชสด/กิ่งไม้ ที่ได้รับมอบจากโครงการฯ ช่วยอำนวยความสะดวกและช่วยย่นระยะเวลาของการทำปุ๋ยหมักให้สั้นลง นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือที่จูงใจในการทำปุ๋ยหมักได้มาก สามารถผลิตปุ๋ยหมักได้ประมาณ 500 - 800 กิโลกรัม ต่อ เครื่อง ต่อ เดือน ในจำนวนทั้งหมด 16 กลุ่ม มี 12 กลุ่ม ได้สร้างแบรนด์ปุ๋ยหมักเป็นของกลุ่มตนเอง และมีแผนที่จะจำหน่ายปุ๋ยหมักเป็นการสร้างรายได้ในอนาคต ปัจจุบันมี 3 กลุ่ม ที่ดำเนินการแล้วอย่างเป็นรูปธรรม คือ กลุ่มศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ตำบลห้วยข้อง จังหวัดเพชรบุรี ชื่อแบรนด์ “ดินดี ต.ห้วยข้อง” กลุ่มศูนย์การเรียนรู้บ้านหนองบัวดอนต้อน ตำบลโพนทราย จังหวัดร้อยเอ็ด ชื่อแบรนด์ “ดินดีหนองบัวดอนต้อน” และกลุ่มศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ตำบลป่าสัก จังหวัดพะเยา ชื่อแบรนด์ “อินทรีย์ป่าสัก” มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 2,000–5,000 บาท ต่อ เดือน ซึ่งรายได้ดังกล่าวเป็นระยะของการเริ่มต้นเท่านั้น สำหรับปัญหาที่พบ คือ การขาดตลาดในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ อีกทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังทำให้ขาดความคล่องตัวในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของหลายๆ กลุ่ม จากการประเมินในภาพรวม จะเห็นได้ว่าโครงการฯ นี้ ได้เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างโอกาสด้านอาชีพ และโอกาสในการสร้างรายได้ ให้แก่เกษตรกรจำนวนหลายๆ กลุ่มในพื้นที่ดำเนินการ