การศึกษาการจัดการความรู้เพื่อการบริหารจัดการน้ำสู่ความเข้มแข็งของชุมชนและพึ่งตนเองด้านแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน กรณีศึกษา โครงการธนาคารน้ำใต้ดิน (Ground water bank) บ้านคำกลาง ตำบลเก่าขาม อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ เพื่อถอดบทเรียนผลการดำเนินงานโครงการธนาคารน้ำใต้ดินองค์การบริหารส่วนตำบลเก่าขาม อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ประกอบด้วย 10 ขั้นตอน โดยกำหนดการดำเนินงานเป็น 3 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 การศึกษา และถอดบทเรียนการดำเนินงานธนาคารน้ำใต้ดิน
ระยะที่ 2 การสร้างคู่มือการทดลองใช้ และการปรับปรุงคู่มือ
ระยะที่ 3 การนำคู่มือไปใช้ในการเผยแพร่ขยายผล
มีผลการศึกษาดังนี้ ระยะที่ 1 การศึกษา และถอดบทเรียนการดำเนินงานธนาคารน้ำใต้ดิน จากการกำหนดประเด็นหัวข้อการดำเนินงาน พบว่า ธนาคารน้ำใต้ดิน คือการนำน้ำที่อยู่ใต้ดินมาใช้ประโยชน์ และมีน้ำในปริมาณเพียงพอ โดยใช้หลักการดังนี้
- การค้นหาตาน้ำ ใช้หลักการค้นหาแหล่งน้ำซับ มีน้ำสนิมผุดขึ้น หรือบริเวณ ชุ่มน้ำ หรือ Oasis มี 2 แบบคือ สังเกตด้วยตาเปล่าบริเวณที่มีความชุ่มชื้น มีหญ้าสีเขียว ต้นไม้เจริญเติบโต แม้ในฤดูแล้ง หรือมีน้ำซับผุดขึ้นตลอดเวลา
- หลักการค้นหาแหล่งน้ำบาดาล ใช้หลักวิทยาศาสตร์ โดยใช้โปรแกรม Google Earth ค้นหาแหล่งน้ำ หรือสายน้ำ และใช้หลักภูมิปัญญาชาวบ้าน ค้นหาแหล่งน้ำแบบโบราณ
- หลักการขุดสระน้ำ ใช้หลักการขุด 2 แบบคือ ขุดสระน้ำหลัก(บ่อหลัก) และสระรอง(บ่อลม) เพื่อให้น้ำ สามารถดึงดูดเข้าหากัน ผ่านการไหลเวียนของสายน้ำที่อยู่ใต้ดิน เป็นการไล่อากาศ ที่อยู่ใต้พื้นดิน ออก และน้ำเข้าไปแทนที่ และให้สระน้ำเกื้อกูลน้ำซึ่งกันและกันได้
- การสร้างเครือข่ายน้ำ ใช้แนวคิด ธนาคารน้ำใต้ดิน ให้ได้ผลอย่างยั่งยืน ควรมีการขุดสระในบริเวณใกล้เคียงอย่างน้อย 500 เมตรต่อ 1 บ่อ เพื่อให้เกิดแรงดึงดูด น้ำ แต่ละสระเชื่อมโยงกัน เป็นสายน้ำเกื้อกูลผ่องถ่ายน้ำให้มีปริมาณใกล้เคียงกัน โดยใช้หลัก บาราย จะช่วยให้มีเครือข่ายน้ำอย่างเพียงพอ การขุดสระน้ำ ให้มีน้ำเพียงพอนั้น ขึ้นอยู่กับบริบทของพื้นที่ และ ชั้นดินชั้นหิน ของแต่ละแห่งซึ่งมีไม่เหมือนกัน
- ลักษณะชั้นดิน ดินมี 5 ชั้น คือ ชั้นดินอินทรีย์ ชั้นดินแร่ ชั้นดินสะสมของแร่ ชั้นการผุพังของหิน และชั้นหินดาน มนุษย์เราขุดได้แค่ชั้นอินทรีย์นอกนั้นใช้เครื่องกลหนักขุด
- การขุดสระน้ำ ให้ขุดจนถึงชั้นที่ 4 ชั้นการผุพังของหิน จึงพบชั้นหินดาน และหินอุ้มน้ำ จึงจะพบตาน้ำ ความลึกอยู่ที่ระดับ 8-10 เมตร ขึ้นอยู่กับพื้นที่
- ลักษณะการขุดสระให้ได้ผล ขึ้นอยู่กับลักษณะของดิน ดินทราย ให้ขุดสระทรงกลม เพื่อลดการพังทลายของหน้าดิน สวนดินเหนียว ให้ขุดเป็นสระสี่เหลี่ยม และควรขุดสระรอบนอก เพื่อรองรับการพังทลายของหน้าดินลงสระรอบใน รวมทั้งปลูกต้นไม้ ป้องกันตลิ่งพัง
- รูปแบบการขุดสระ ให้ขุดสโลป 45 องศา เพื่อให้น้ำฝนไหลทะลักด้วยความแรงลงสู่ใต้สระ และช่วยให้ซึมกระจายไปตามใต้ดินได้เร็วขึ้น ไม่ควรมีขอบสระ เพื่อให้น้ำฝนไหลลงสระได้ง่ายขึ้น
ระยะที่ 2 การสร้างคู่มือการทดลองใช้และการปรับปรุงคู่มือ โดยการนำข้อมูลจากระยะที่ 1 กำหนดเป็นประเด็นหัวข้อนำเสนอเป็น (ร่าง) คู่มือจำนวน 4 ส่วน เพื่อให้ความรู้แก่ผู้สนใจ ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 บทนำ ส่วนที่ 2 รูปแบบการบริหารจัดการน้ำธนาคารน้ำใต้ดินที่ประสบผลสำเร็จ ส่วนที่ 3 บทเรียนเพื่อความยั่งยืนของชุมชนตามหลักการของธนาคารน้ำใต้ดิน ส่วนที่ 4 บทสรุป โดยนำไปทดลองใช้คู่มือในพื้นที่ไร่ฮักคัก หมู่ที่ 10 ตำบลสำราญ อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 30 คนผลการประเมินมีความรู้ความเข้าใจคิดเป็นร้อยละ 81
ระยะที่ 3 การนำคู่มือไปใช้ในการเผยแพร่ขยายผล โดยการนำคู่มือไปใช้เผยแพร่ให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบในพื้นที่อำเภอน้ำยืน อำเภอสิรินธร อำเภอเหล่าเสือโก้ก จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อขยายผลสู่ครอบครัวตัวอย่างที่น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติ
ผลการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับชุมชนได้เรียนรู้เรื่องการบริหารจัดการน้ำสู่ความยั่งยืน ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ชุมชนต้องมีศึกษาข้อมูล สถิติ เกี่ยวกับน้ำในชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำข้อมูลที่มีมาสร้างเป็นสถิติเกี่ยวกับน้ำ อย่างน้อย 10 ปี โดยมีการจดบันทึกระดับน้ำในแหล่งน้ำของชุมชน และแหล่งน้ำส่วนบุคคล เพื่อใช้ในการคำนวณสภาพข้อเท็จจริงเกี่ยวกับน้ำที่มีในชุมชน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าน้ำคือความมั่นคงของชีวิต น้ำทำให้ก่อเกิดอาชีพที่หลากหลาย น้ำทำให้ก่อเกิดรายได้จากการประกอบอาชีพโดยใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำ และน้ำยังทำให้เกิดแบบอย่างการนำพลังงานสะอาดมาใช้ ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดต้นทุนการผลิต เป็นผลให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่การบริการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ (พลังงานแสงอาทิตย์) เกิดรายได้ทางการเกษตรโดยภาคชุมชน มีตัวอย่างที่หลากหลายของอาชีพที่เกิดจากการใช้น้ำเพื่อสร้างความเข้มแข็งของคนในชุมชน อาทิเช่น การรวมกลุ่มอาชีพปลูกพืช และการรวมกลุ่มเลี้ยงสัตว์ การประมงจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งมุ่งเน้นความปลอดภัยทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และกลุ่มอื่นๆที่อยู่รอบๆบริเวณแหล่งน้ำ ก่อให้เกิดการผลักดันเป็นแนวทางนโยบายในการนำไปสู่การสร้างความมั่นคงทางอาหาร ที่เกิดจากการร่วมงานแบบในการสร้างแรงจูงใจให้กับคนในชุมชน เพื่อให้คนในชุมชนร่วมมือกันดูแลทรัพยากรน้ำเพื่อสร้างความเข้มแข็ง นำไปสู่การพึ่งตนเองได้ของคนในชุมชน ส่งผลทำให้ชุมชนมีความมั่นคง และก่อเกิดความยั่งยืนสู่ชุมชนสืบไป