การจัดการความรู้การวิจัยเพื่อการใช้ประโยชน์นี้มีวัตถุประสงค์หลัก คือ การออกแบบและสร้างคุณค่าด้านมรดกวัฒนธรรมที่นำไปสู่การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจในตลาดชุมชนริมน้ำลำพญา จังหวัดนครปฐม โดย 1) ศึกษาและทบทวนคุณค่ามรดกวัฒนธรรม 2) สำรวจและรวบรวมองค์ความรู้จากท้องถิ่นและภายนอกชุมชน 3) จัดทำฐานองค์ความรู้ และจัดทำต้นแบบหรือตัวอย่างที่นำไปใช้ได้จริง และ 4) ประเมินผลความสำเร็จ ถอดบทเรียน และเรียบเรียงกระบวนการจัดการความรู้ โดยมีวิธีดำเนินการจัดกิจกรรมแบ่งเป็น 6 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ขั้นเริ่มต้น 2) ขั้นสำรวจและรวบรวมองค์ความรู้ 3) ขั้นดำเนินการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 4) ขั้นนำส่งองค์ความรู้ 5) ขั้นเผยแพร่องค์ความรู้ และ 6) ขั้นสร้างความต่อเนื่องของกระบวนการสร้างองค์ความรู้ โดยทุกขั้นตอนจะดำเนินการภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน
ผลการดำเนินงาน พบว่า การออกแบบและสร้างคุณค่าด้านมรดกวัฒนธรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ในตลาดชุมชนริมน้ำลำพญา มีการคัดเลือกองค์ประกอบเพื่อนำไปสู่การออกแบบและจัดทำรายละเอียด ได้แก่(1) ซุ้มทางเข้าและส่วนประกอบของการเข้าถึง อยู่ภายใต้โครงการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว (ประกอบด้วยทางเข้าหลัก/ ทางเข้ารอง/ wall art-street art/ การตกแต่งเสาและทางเดิน /ซุ้มร้านค้าหรือ kiosk) (2) ตราสัญลักษณ์ อยู่ภายใต้โครงการส่งเสริมด้านเศรษฐกิจ (ประกอบด้วย ตราสัญลักษณ์ชุมชน/ สัญลักษณ์นำโชค) (3) แผนที่ท่องเที่ยวชุมชน อยู่ภายใต้โครงการส่งเสริมด้านศิลปวัฒนธรรม รวมทั้งสิ้นจำนวน 8 องค์ประกอบ ผู้ใช้ประโยชน์หลัก ได้แก่ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในชุมชนและเทศบาลตำบลลำพญา โดยนำไปกำหนดเป็นโครงการในแผนพัฒนาท้องถิ่นเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ และมีการเผยแพร่ในวงกว้างต่อสมาชิกในชุมชน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและหน่วยงานท้องถิ่นอื่น ๆ
ข้อเสนอแนะจากการจัดกิจกรรมสามารถสรุปได้ว่า (1) การเริ่มต้นด้วยการสร้างความเข้าใจแก่สมาชิกในชุมชนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จะช่วยให้ทุกฝ่ายเล็งเห็นคุณค่ามรดกวัฒนธรรมในท้องถิ่นและกระบวนการมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมร่วมกัน (2) การเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้นจนแล้วเสร็จในทุกขั้นตอน จะช่วยให้เกิดความเข้าใจ เกิดการยอมรับ และสามารถตัดสินใจในการเลือกนำไปประยุกต์ใช้ภายใต้สถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม (3) การเลือกประเด็นการออกแบบและการจัดทำต้นแบบที่มีส่วนส่งเสริมให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ร่วมกันและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ จะช่วยให้การดำเนินการต่างๆ เป็นไปด้วยความราบรื่น เกิดโอกาสที่จะนำไปต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ควบคู่กับการดำรงรักษาคุณค่ามรดกวัฒนธรรมไว้ได้ในระยะยาว