คุณค่าของกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย เรื่อง “การจัดการความรู้การวิจัยเพื่อการใช้ประโยชน์เชิงนโยบายสาธารณะ (Public Policy)” เรื่อง การวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่าความรู้เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพวิถีไทยในเส้นทางสายน้ำพุร้อนของประเทศไทย: กรณีศึกษา บ่อน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม จังหวัดกระบี่ และบ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง ที่ทำให้เกิดการสังเคราะห์ความรู้เกี่ยวกับคุณประโยชน์ของน้ำพุร้อนต่อสุขภาพ มาตรฐานการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในแหล่งน้ำพุร้อน และมาตรฐานเกี่ยวกับบริการสุขภาพในแหล่งน้ำพุร้อนนี้ เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ที่ให้ความสำคัญต่อการจัดการความรู้เพื่อการใช้ประโยชน์ในมิติเชิงชุมชน สังคม ภายใต้โครงการจัดการความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อการเสริมสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มภายใต้หลักการจัดการความรู้ที่สอดคล้องกับสุขภาพ การแพทย์ สังคมผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาสรวมทั้งการอนุรักษ์วัฒนธรรม ศิลปกรรม การศึกษา และการพัฒนาชุมชน คณะทำงานกิจการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยฯ โดยมี นายแพทย์จิโรจ สินธวานนท์ เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย และ นางสาวงามเนตร เอี่ยมนาคะ เป็นนักวิจัยร่วม ได้วางแผนและดำเนินกิจกรรมจัดการความรู้เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพวิถีไทยในพื้นที่ศึกษาบ่อน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม จังหวัดกระบี่ และบ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน จังหวัดล้าปาง ในรูปแบบกิจกรรมอบรมให้ความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีเกี่ยวกับบริการด้านสุขภาพที่ใช้ประโยชน์จากการอาบแช่น้ำพุร้อน มาตรฐานบริการสุขภาพ รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มของ
กิจกรรมและผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลผลิตจากทรัพยากรธรณีที่มีลักษณะเฉพาะของพื้นที่ ร่วมกับการประชุมระดมความคิดเห็นของชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพวิถีไทย ที่เหมาะสมในแหล่งน้ำพุร้อนของตน โดยมีกิจกรรมสัมมนาผู้ให้ข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบริการสุขภาพสปา และการอาบแช่น้ำพุร้อน รวมทั้งนักวิชาการผู้มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำพุร้อนและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เป็นกิจกรรมสนับสนุนการสังเคราะห์ความรู้และแนวทางปฏิบัติที่เป็นไปได้สำหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของพื้นที่ และสามารถเป็นแบบอย่างของการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในเส้นทางน้ำพุร้อนของประเทศไทยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน ซึ่งเมื่อน้าข้อค้นพบจากการดำเนินกิจกรรมดังกล่าว เข้าสู่การสร้างห่วงโซ่คุณค่าความรู้ของการเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพวิถีไทยในแหล่งน้ำพุร้อนทั้งสองมีองค์ประกอบของการจัดการความรู้ที่สำคัญ ได้แก่ การจัดการช่องว่างความรู้ด้านบริการสุขภาพของประชาชน การจัดการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน การส่งเสริมการพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพวิถีไทย รวมทั้งเผยแพร่และประยุกต์ใช้ความรู้การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพวิถีไทยในแหล่งน้ำพุร้อนแก่กลุ่มเปูาหมายหลัก นอกจากนี้คณะท้างานยังได้น้าเสนอแนวคิดแผนการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าความรู้เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพวิถีไทยในเส้นทางสายน้ำพุร้อนของประเทศไทยที่ประยุกต์ใช้แนวคิดของมMichael E.Porter มาเป็นกรอบแนวทางการเสริมสร้างศักยภาพทางการพัฒนาโอกาสทางธุรกิจของพื้นที่ในกิจการดังกล่าว