โครงการวิจัย “การจัดการความรู้การวิจัยเพื่อการใช้ประโยชน์” ทางผู้วิจัยได้ทําการถ่ายทอดองค์ความรู้ เกี่ยวกับเทคโนโลยีการจัดการสิ่งแวดล้อมมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ เป็นการเพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขันของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศภายในพื้นที่จังหวัดนครชัยบุรินทร์ โดยทางผู้วิจัยได้เลือก กลุ่มหมู่บ้านท่องเที่ยวจํานวน 2 แห่ง ได้แก่ กลุ่มชุมชนท่องเที่ยวศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านเตย จังหวัดนครราชสีมา และชุมชนท่องเที่ยวบ้านซับสมบูรณ์ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีการจัดในรูปแบบของกระบวนการมีส่วนร่วมระหว่างคณะผู้วิจัยและกลุ่มเป้าหมายในการบูรณาการเทคโนโลยีการจัดการสิ่งแวดล้อม สามารถนําไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่และตรงตามความต้องการของชุมชน นําไปสู่การแก้ไขปัญหาการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังมีการนําองค์ความรู้เกี่ยวกับการบูรณาการเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม แนวทางการแก้ไขปัญหาการจัดการสิ่งแวดล้อม จัดทําเป็นคู่มือให้กับกลุ่มหมู่บ้านท่องเที่ยว ร่วมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเผยแพร่การนําองค์ความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ และเพื่อจัดทําแผนปฏิบัติการให้กับทางกลุ่มหมู่บ้านท่องเที่ยวอีกด้วย จากผลการดําเนินโครงการทางผู้วิจัยจึงได้ทการถ่ายทอดองค์ความรู้ความเข้าใจในเรื่องกระบวนการผลิตน้ําประปาหมู่บ้าน กระบวนการผลิตน้ําสะอาดสําหรับอุปโภคบริโภค และองค์ความรู้เกี่ยวกับคุณภาพน้ําประปาและน้ําดื่มให้กับทางกลุ่มทั้ง 2 ซึ่งผลจากการถ่ายทอดองค์ความรู้พบว่าสมาชิกภายในหมู่บ้านท่องเที่ยวมีความรู้ ความเข้าใจเพิ่มขึ้นทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติคิดเป็นร้อยละ 93 ผู้เข้าร่วมการประชุมการมีส่วนร่วมของชุมชน มีความพึงพอใจ ในระดับดีมาก สําหรับการแก้ไขปัญหาของทางชุมชนบ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบบ้านเตยได้ทํา การแนะนําให้มีการปรับปรุงการเดินระบบผลิตน้ําประปาหมู่บ้านเพื่อลดการเติมสารเคมี เพื่อปรับปรุงคุณภาพนํา สําหรับการอุปโภค-บริโภคของทางกลุ่มหมู่บ้านอีกทั้งยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการเดินระบบของกระบวนการผลิต น้ําประปาหมู่บ้านอีกด้วย และสําหรับการแก้ไขปัญหาของทางกลุ่มชุมชนท่องเที่ยวบ้านซับสมบูรณ์ ทางผู้วิจัยได้ทํา การติดตั้งเทคโนโลยีในการผลิตน้ําดื่มเพื่อลดการซื้อน้ําดื่มสําหรับการเลี้ยงต้อนรับคณะผู้ที่เข้ามาดูงานของทางกลุ่มมหมู่บ้าน ซึ่งจากการดําเนินการทั้งหมดทางผู้วิจัยได้ทําการประเมินผลลัพธ์ทางสังคม (Social Impact Assessment: SIA) และการคํานวณผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (Social Return on Investment: SROI) ที่เกิดขึ้น จากผลการประเมินพบว่าอัตราผลตอบแทนสังคมของโครงการ (SROI) ในระหว่างมูลค่ารวมทั้งหมด สําหรับการดําเนินการ 1 ปี เป็น 2.25 เท่า โดยพบว่าจะเกิดมูลค่ารวมผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้น (IMPACT) เท่ากับ 1,158,920.47บาทจากสัดส่วนปัจจัยและทรัพยากรที่ใช้ในการดําเนินโครงการจํานวน 515,900 บาท เมื่อแยกตามพื้นที่เป้าหมายพบว่า ชุมชนบ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบบ้านเตย มีอัตราผลตอบแทนทางสังคมเป็น 3.19 เท่า และชุมชนท่องเที่ยวบ้านซับสมบูรณ์ มีอัตราผลตอบแทนทางสังคมเป็น 1.30 เท่า