จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีภายใต้หัวข้อ “การพัฒนาระบบการปลูกพืชหลังการทำนาตามยุทธศาสตร์ชาติเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำโดยการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย : กรณีศึกษาข้าวโพดฝักสด” โดยใช้ข้าวโพดหวาน และข้าวโพดข้าวเหนียวเป็นพืชต้นแบบในพื้นที่ ตำบลบ้านถ้ำ และตำบลบ้านปิน อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ดำเนินงานในฤดูแล้งในปี 2560 โดยใช้เทคโนโลยีประยุกต์ในโครงการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดมหาวิทยาลัยพะเยา (University of Phayao Maize Improvement, UPMI) พบว่า เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 12 แปลงมีผลผลิตข้าวโพดทั้งสองชนิดสูงกว่าแปลงที่ใช้เทคโนโลยีแบบดั้งเดิม กล่าวคือ ในกลุ่มข้าวโพดข้าวเหนียว (เทียน) แปลงที่ได้รับการถ่ายทอดให้ผลผลิตเฉลี่ย 961 กก./ไร่ ขณะที่แบบดั้งเดิมเท่ากับ 590 กก./ไร่ ขณะที่ข้าวโพดข้าวเหนียวแปลงที่ได้รับการถ่ายทอดให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,131 กก./ไร่ ขณะที่แบบดั้งเดิมเท่ากับ 1,070 กก./ไร่ ในส่วนของข้าวโพดหวาน พบว่า แปลงที่ได้รับการถ่ายทอดให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,478 กก./ไร่ ขณะที่แบบดั้งเดิมเท่ากับ 1,191 กก./ไร่ เมื่อพิจารณาผลกำไรสุทธิ พบว่า ในกลุ่มข้าวโพดข้าวเหนียว (เทียน) แปลงที่ได้รับการถ่ายทอดมีกำไรสุทธิเฉลี่ย 2,971 บาท/ ขณะที่แบบดั้งเดิมเท่ากับ 1,725 บาท/ไร่ ขณะที่ข้าวโพดข้าวเหนียวแปลงที่ได้รับการถ่ายทอดมีกำไรสุทธิเฉลี่ย 4,724 บาท/ไร่ ขณะที่แบบดั้งเดิมเท่ากับ 4,618 บาท/ไร่ ในส่วนของข้าวโพดหวาน พบว่า แปลงที่ได้รับการถ่ายทอดมีกำไรสุทธิ 5,831 บาท/ไร่ ขณะที่แบบดั้งเดิมเท่ากับ 4,504 บาท/ไร่
ขณะที่จากทำการทดลองในแปลงเกษตรกรนั้นค่อนข้างมีปัจจัยจำกัดมาก สิ่งสำคัญคือการหาวิธีการที่สะดวก และง่ายต่อการปฏิบัติของเกษตรกรแล้วส่งผลต่อผลผลิต รายได้ที่ต่อเนื่องกัน การทดลองครั้งนี้ก็เช่นกันปัจจัยในการควบคุมจากตัวเกษตรกรมีอย่างจำกัดแต่จากข้อมูลที่ได้ค่อนข้างชัดเจนว่าการใช้ปุ๋ยน้ำร่วมกับปุ๋ยเคมีมีแนวโน้มที่ให้ผลผลิตสูงกว่าการใส่ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียว เช่นเดียวกันเป็นไปได้ที่ว่าน่าจะเป็นข้อเสนอแนะที่ว่าควรฉีดพ่นปุ๋ยทางใบจนถึงระยะออกดอก (flowering stage) – ระยะสะสมน้ำหนัก (filling stage) ที่น่าจะส่งผลต่อผลผลิตได้ดียิ่งขึ้นรวมถึงองค์ประกอบผลผลิตด้านอื่น ๆ อีกด้วย ประเด็นที่สำคัญอีกอย่างในการถ่ายทอดเทคโนโลยีในแปลงเกษตรกรควรมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ง่าย และสอดคล้องกับชุมชน ไม่ควรมีความซับซ้อน และเข้าใจยากควรมีการนำเอาปัจจัยท้องถิ่นที่มีมาประยุกต์ใช้ เช่น เครื่องมือการเกษตร เครื่องจักรกลเกษตร เป็นต้น มิเช่นนั้นความต่อเนื่อง และความยั่งยืนจะขาดไปทันทีเมื่อผู้ถ่ายทอดเดินออกจากชุมชนนั้นมา
ประเด็นเรื่องของการสนับสนุนทุนวิจัย เนื่องจากการวิจัย และการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตรเรื่องของฤดูกาลเป็นสิ่งสำคัญซึ่งนักวิจัยไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งเกษตรกรจะมีการเพาะปลูกพืชเป็นไปตามฤดูกาลเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น ถ้าการสนับสนุนไม่สอดคล้อง หรือคลาดเคลื่อนกับฤดูกาลที่เกษตรกรดำเนินการจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานล่าช้า และคลาดเคลื่อนไปมาก