โครงการการจัดทิ้งทางการเกษตรด้วยต้นอเมซอนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน มีวัตถุประสงค์ เพื่อเผยแพร่ความรู้ ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคนิคเกี่ยวกับในการใช้ต้นอเมซอนในการบำบัดน้ำเสียทางการเกษตรให้กับของชุมชน ตำบลจอมปลวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม และเพื่อเสริมสร้างกลไกความร่วมมือในระบบเครือข่ายระหว่างสถาบันอุดมศึกษา ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตอบสนองต่อการใช้ประโยชน์ในในการจัดการน้ำเสียในชุมชนอย่างแท้จริง โดยโครงการได้ดำเนินการศึกษาสำรวจพื้นที่ร่องสวนมะพร้าว ประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่น หัวหน้าชุมชนและชาวบ้าน จัดประชุมกลุ่มย่อย (Focus group) กับตัวแทนของนายก คณะผู้บริหารขององค์การบริหารส่วนตำบลจอมปลวก ผู้นำชุมชน และตัวแทนชาวบ้านเพื่อวางแผนการอบรม และดำเนินงานจัดอบรมถ่ายทอดน้าเสนอองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้ต้นอเมซอน และกลไกในการบำบัดน้ำเสียของต้นอเมซอน จากนั้นคัดเลือกพื้นที่ร่องสวนมะพร้าวเพื่อใช้เป็นกรณีศึกษาสำหรับปลูกต้นอเมซอนในการบำบัดน้ำทิ้งทางการเกษตร โดยพื้นที่คัดเลือกจากพื้นที่ร่องสวนมะพร้าวของเกษตรกร 4 ราย จำนวน 4 แปลงการทดลอง โดยจะเลือกพื้นที่ร่องสวนที่มีระดับน้ำค่อนข้างลึก (มากกว่า 60 เซนติเมตร) จำนวน 2 แปลง ทำการทดลองปลูกต้นอเมเซอนแบบแพลอยน้ำ โดยปลูกต้นอเมซอนประมาณร้อยละ 11 ของพื้นที่ร่องสวน และพื้นที่ระดับน้ำตื้น (25-30 เซนติเมตร) จำนวน 2 แปลง จะปลูกต้นอเมซอนบนดินในร่องสวนโดยปลูกต้นอเมซอนคิดเป็นร้อยละ 80 ของพื้นที่ร่องสวน ซึ่งผลการทดลองพบว่าหลังจากใช้ต้นอเมซอนบำบัดน้ำเสียทางการเกษตร เป็นเวลา 70 วัน ค่าบีโอดี (BOD) ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) สารหนู (As) และ แคดเมียม (Cd) อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของมาตรฐานคุณภาพน้ำในแหล่งผิวดิน สำหรับแหล่งน้ำผิวดินประเภทที่ 3 (แหล่งน้ำที่ได้รับน้ำทิ้งจากกิจกรรมบางประเภทและสามารถเป็นประโยชน์เพื่อการเกษตร) ส่วนค่าซีโอดี (COD) และของแข็งแขวนลอย (SS) ก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากแหล่งกำเนิดประเภทโรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรม แสดงให้ว่าต้นอเมซอนศักยภาพในการบำบัดน้ำทิ้งทางการเกษตรได้ดี จึงเหมาะในการนำน้ำที่ผ่านการบำบัดด้วยต้นอมเซอน ใช้ในกิจกรรมการเพาะปลูกได้ต่อไป
การใช้พืชในการบำบัดน้ำเสียนอกจากมีประสิทธิภาพแล้วยัง เป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นระบบบำบัดที่มีความยั่งยืน นอกจากนี้โครงการได้จัดการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัยสู่ชุมชน ตลอดจนนำเสนอทางเลือกในการกำจัดแมลงศัตรูพืชด้วยวิธีชีวภาพ และ สำรวจความเป็นไปได้ในการทำการเกษตรแบบอินทรีย์ของชาวบ้าน จากแบบสอบถามทั้งสิ้น 405 คน พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการทำการเกษตรแบบอินทรีย์ที่มีผู้ตอบแบบสอบถามให้ความคิดเห็นในระดับมากสุด มี 2 ประเด็น คือ ท่านจะไม่ใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงศัตรูพืช และท่านจะไม่ใช้สารเคมีในการกำจัดวัชพืช มีค่าเฉลี่ยเท่ากันทั้งสองประเด็นเท่ากับ 4.16 นอกจากนี้โครงการยังได้สำรวจความพึงพอใจในการดำเนินกิจกรรม พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.45 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.25