ตามที่สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในฐานะหน่วยงานด้านนโยบาย ดูแลภาพรวมการวิจัยของประเทศ และการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ มีหน้าที่สำตัญในการขับเคลื่อนและผลักดัน ให้เกิดการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม โดยได้ดำเนินการสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย ภายใต้โครงการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการความรู้การวิจัยเพื่อการใช้ประโยชน์ และได้เปิดรับข้อเสนอโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการความรู้การวิจัยเพื่อการใช้ประโยชน์ ประจำปี 2562 โครงการ “การถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการป้องกันมลพิษในน้ำใต้ดินสำหรับอนุรักษ์ ติดตามและตรวจสอบการปนเปื้อนจากภาคอุตสาหกรรมการผลิต” ได้รับการอนุมัติทุนประจำปี 2562 และได้ดำเนินการแล้วเสร็จตามขอบเขตการดำเนินการแล้วนั้น จากการดำเนินงานทั้งหมดที่ผ่านมานั้น พบว่า การนำองค์ความรู้ด้านการออกแบบบ่อสังเกตการณ์ตามหลักการทางวิชาการ มาประยุกต์ใช้กับโรงงานอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการหลักทั้งหมด พบว่า ขั้นตอนการดำเนินงานจะแตกต่างกันไป โดยขั้นแรก การสำรวจลักษณะสารเคมีที่ใช้ในแต่ละโรงงานอุตสาหกรรม มีความแตกต่างกันมาก การคัดเลือกสารเคมีที่มีโอกาสรั่วไหลปนเปื้อนสู่น้ำใต้ดิน จึงมีเกณฑ์การคัดเลือกที่แตกต่างกันไป ขั้นถัดมา คือการประเมินทิศทางการไหลของน้ำใต้ดิน จากการดำเนินงานโดยใช้โปรแกรมด้านภูมิศาสตร์ประเมินพบว่า ทิศทางการไหลของน้ำใต้ดินของแต่ละแห่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือ มีการไหลจากทิศเหนือลงทิศใต้ จากนั้นทำการออกแบบและติดตั้งบ่อเก็บตัวอย่างและบ่อสังเกตุการณ์ตามหลักทางวิชาการที่ถูกกำหนดในควบคุมการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินภายในบริเวณโรงงาน พ.ศ. 2559 โดยลักษณะบ่อทั้ง 2 ที่ติดตั้งของทุกโรงงานถูกออกแบบโดยใช้หลักการเดียวกัน หลังจากนั้นทำการเก็บตัวอย่างน้ำใต้ดินวิเคราะห์ พบว่าทุกโรงงานอุตสาหกรรมมีการใช้สารเคมีจำพวก TPH ผลจากห้องปฎิบัติการไม่พบการปนเปื้อนของสาร TPH ในทุกตัวอย่างน้ำใต้ดิน ซึ่งเป็นผลมาจากโรงงานอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการนั้น มีมาตรการในการป้องกันการปนเปื้อนสารเคมีลงสู่ดินและน้ำใต้ดิน ดังนั้นหลังจากการดำเนินโครงการฯ แล้วเสร็จ สำนักงานอุตสาหกรรม จังหวัดเชียงใหม่ ได้นำแนวทางการดำเนินงาน เสนอต่อกรมโรงโรงงานอุตสาหกรรม เกี่ยวกับประเภทสารเคมีที่ต้องวิเคราะห์ในกลุ่มโรงงานทำสี และกระดาษ เพื่อออกเป็นเกณฑ์และมาตรฐานการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดิน ของโรงงาน 2 จำพวกที่กล่าวมา และโรงงานอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการทุกแห่งมีความพึงพอใจในการเข้าร่วมโครงการฯ และได้ทำตามกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว ส่งผลให้ทุกโรงงานมีภาพลักษณ์ที่ดีด้านสิ่งแวดล้อม และสามารถผ่านการรับรอง ISO 14001 ทุกโรงงานการดำเนินโครงการสามารถตอบโจทย์เรื่องการนำงานวิจิจัยนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงสาธารณะได้อย่างยั่งยืน