โครงการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยี ส่งเสริมระบบบำบัดน้ำเสียจากกระบวนการผลิตข้าวเกรียบปลาแบบสด(กรือโป๊ะ) ด้วยระบบหมักก๊าซชีวภาพแบบไร้อากาศ เพื่อนำก๊าซชีวภาพที่ได้ไปใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนแก๊ส LPG สำหรับหุงต้ม และประกอบอาหารในครัวเรือน รวมทั้งการสร้างกระบวนการ และทัศนคติแบบยั่งยืนของการสร้างต้นทุนพลังงานให้กับชุมชนผู้ผลิตข้าวเกรียบปลาแบบสด(กรือโป๊ะ) การมีส่วนร่วมของช่างชุมชน และการดูแลระบบถังหมักก๊าซชีวภาพของชุมชนผู้ผลิตข้าวเกรียบปลาแบบสดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ประกอบด้วยจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส จากการสำรวจพบว่าน้ำเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตกรือโป๊ะ เฉลี่ยสูงถึง 40-60 ลิตรต่อวัน ต่อการผลิตกรือโป๊ะปริมาณ 110-140 กิโลกรัมต่อวัน เมื่อทำการหมักแบบไร้อากาศด้วยระบบถังหมักพลาสติกขนาด 500 ลิตร และถังพลาสติกเก็บก๊าซขนาด 500 ลิตร โดยเพิ่มน้ำเสียเท่ากับ 24 ลิตรต่อวัน และถังหมักขนาด 1,000 ลิตร เพิ่มน้ำเสียประมาณ 48 ลิตรต่อวัน โดยควบคุมระยะเวลากักเก็บที่ (hydraulic retention time, HRT) 21 วัน พบว่ามีปริมาณก๊าซ มีเทน(CH4) สูงถึง 63.15% สามารถใช้ในกิจกรรมการหุงต้มได้ประมาณ 2 -3 ชั่วโมง ต่อถังเก็บก๊าซขนาด 500 ลิตร ประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียกรือโป๊ะ pH, COD, TSS มีค่าเฉลี่ยร้อยละ เท่ากับ 51.19%, 64.62% และ 67.77% ตามลำดับ และเกิดก๊าซได้ 500 ลิตร/วัน โดยจัดทำระบบถังหมักก๊าซชีวภาพทั้งหมด จำนวน 20 ระบบ(ชุด) ประกอบด้วยจังหวัดปัตตานี ขนาดถังหมัก และถังเก็บก๊าซ 500 ลิตร ทั้งหมด 14 ชุด และถังหมักก๊าซขนาด 200 ลิตร จำนวน 2 ถัง และถังเก็บก๊าซ 150 ลิตร 3 ถัง 1 ชุด รวมทั้งหมด 15 ชุด จังหวัดนราธิวาส ขนาดถังหมัก และถังเก็บก๊าซ 500 ลิตร จำนวน 1 ชุด และจังหวัดยะลา ขนาดถังหมักก๊าซ 1,000 ลิตร 4 ถัง และถังเก็บก๊าซ 500 ลิตร 3 ถัง ทั้งหมด 4 ชุด จากผลการศึกษาสามารถสรุปได้ว่ากระบวนการหมักแบบไร้อากาศสามารถบำบัดน้ำเสียจากโรงงานข้าวเกรียบปลาแบบสดได้ อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการจัดซื้อแก๊ส LPG 1,400 บาทต่อปี อีกด้วย