จากข้อมูลการเกิดไฟป่าทางภาคเหนือของประเทศไทยตั้งแต่ปี
พ.ศ.2543
จนถึงปัจจุบันในพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่และลำพูนบ่งให้เห็นว่ามีการจำนวนการเกิดไฟป่าสูง
โดยเฉพาะในปีงบประมาณ 2563
ระบุว่ามีจำนวนไฟป่าของทั้งสองจังหวัดรวมกันเป็นจำนวน 2,904
ครั้ง ซึ่งคิดเป็น 52.4% ของการเกิดไฟป่าในภาคเหนือ
โดยคิดเป็นพื้นที่ถูกไฟไหม้รวม 115,433 ไร่
นอกจากนี้พื้นที่ทั้งสองจังหวัดนี้ถูกระบุเป็นพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดไฟป่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของอุทยานแห่งชาติแม่ปิง
ที่เป็นพื้นที่ไฟไหม้ซ้ำซากในระยะเวลา 22 ปี
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากไฟป่าไม่เพียงจะส่งผลต่อทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้น
แต่ยังมีผลต่อสุขภาพของประชาชนด้วย
ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันที่ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือ
ส่งผลให้ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน
จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดการไฟป่าด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการทำงานทั้งกระบวนการตั้งแต่การป้องกัน
การกู้ภัย และควบคุม
ดังนั้นคณะผู้วิจัยจึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อบริหารจัดการไฟป่าแบบบูรณาการ
สำหรับให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนสามารถเข้าถึงสารสนเทศและสามารถกู้ภัย
ควบคุมไฟป่าตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดับไฟป่า
และจำกัดขอบเขตพื้นที่ไฟไหม้
ในปัจจุบันแม้จะมีการใช้ข้อมูลจุดความร้อนของไฟ
(Fire hotspot) จากดาวเทียม แต่เนื่องจากข้อจำกัดของเซ็นเซอร์ในดาวเทียมไม่สามารถตรวจทะลุหรือผ่านเมฆหรือควันหนา
ๆ เมื่อเกิดไฟไหม้หรือเรือนยอดไม้ที่ปกคลุมป่า
และปัญหาที่เกิดจากการแปลผลที่ไม่ทราบพิกัดที่แน่นอนจากต้นทางของไฟ
จากประสบการณ์ของคณะผู้วิจัยจากโครงการ
SEA-HAZEMON@TEIN ในการพัฒนาเซ็นเซอร์ IoT สำหรับการติดตามคุณภาพอากาศในประเทศไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ฟิลิปปินส์ และอินโดนิเชีย
รวมถึงการพัฒนาระบบเฝ้าระวังไฟป่าอัจฉริยะที่ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
ปี 2564 ในพื้นที่ดอยช้างป่าแป๋ จ.ลำพูน ซึ่งเปรียบได้กับ
“จมูก” ที่คอยตรวจจับควันจากไฟป่า แต่ยังขาดความสามารถในการระบุตำแหน่งการเกิดไฟป่าได้
คณะผู้วิจัยจึงมีแนวคิดที่จะขยายผลการวิจัยไปสู่การควบคุมไฟป่าโดยการพัฒนา “ตา”
ด้วยการติดตั้งกล้องความละเอียดสูง
ซึ่งควบคุมการทำงานด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ในลักษณะของเอดจ์คอมพิวติ้ง ที่ทำงานร่วมกับข้อมูลจากเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ติดตั้งร่วมกัน
จะทำให้เจ้าหน้าที่จากสถานีควบคุมไฟป่าใช้การวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาโดยสามารถแสดงผลและแจ้งเตือนได้ในแผนที่ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์เคลื่อนที่
ยังผลให้เกิดประสิทธิภาพในการดับไฟป่าและจำกัดขอบเขตพื้นที่ไฟไหม้ได้อย่างทันท่วงที
และลดการสูญเสียได้อย่างมาก ซึ่งพื้นที่การวิจัยจะติดตั้งกล้องบริเวณอุทยานแห่งชาติแม่ปิง
โดยองค์ความรู้ที่ได้จากงานวิจัยนี้จะได้รับการถ่ายทอดให้กับบุคลากรของสถานีควบคุมไฟป่า
ตลอดจนชุมชนเพื่อให้มีส่วนร่วมในการตรวจจับไฟป่าและการควบคุมไฟป่า
นอกจากนี้ยังสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการบ้านก้อแซนด์บ๊อกซ์
คำสำคัญ: ระบบตรวจจับการเกิดไฟป่า, อินเทอร์เน็ตประสานสรรพสิ่ง,
ปัญญาประดิษฐ์