โครงการวิจัย เรื่อง “การประยุกต์ใช้เครื่องมือทางออนไลน์เพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตที่ไม่เป็นอุปสรรคแก่ผู้พ้นโทษ” มีวัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่อถ่ายทอดและเผยแพร่ข้อมูลการใช้ Application สำหรับการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้พ้นโทษให้กับเจ้าหน้าที่ หน่วยงาน และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกลุ่มผู้กระทำผิดที่กำลังได้รับการปล่อยตัว 2) เพื่อให้เกิดการถอดบทเรียนร่วมกันระหว่างผู้ใช้บริการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนนำไปสู่การปรับปรุงกระบวนการและการใช้งานแอปพลิเคชันที่เหมาะสม และ 3) เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างระบบเครือข่ายการช่วยเหลือผู้พ้นโทษให้เกิดการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยแบบผสมผสาน ประกอบด้วย การประเมินผลการอบรมการใช้แอปพลิเคชันของเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังที่กำลังได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ และการวิจัยเชิงคุณภาพผ่านการสัมภาษณ์และการถอดบทเรียนเจ้าหน้าที่ หน่วยงานและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับงานช่วยเหลือหรือสงเคราะห์ผู้พ้นโทษ
ผลการวิจัยเชิงปริมาณ พบว่า เจ้าหน้าที่มีความเข้าใจในการใช้แอปพลิเคชันและขั้นตอนในการเป็นผู้ดูแลระบบโดยภาพรวมคิดเป็นร้อยละ 70.02 มีความพึงพอใจในภาพรวมของการถ่ายทอดองค์ความรู้ในระดับดีมาก ค่าเฉลี่ย 4.28 ในส่วนของผู้ต้องขัง พบว่า ส่วนใหญ่เล็งเห็นถึงประโยชน์ในการใช้แอปพลิเคชันและส่วนใหญ่ยินดีที่จะเข้าใช้แอปพลิเคชันเมื่อกลับไปอยู่บ้าน ร้อยละ 59.6 กลุ่มตัวอย่างมีความรู้ความเข้าใจในภาพรวมคิดเป็นร้อยละ 86.32 ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ระยะเวลาการควบคุมตัวที่แตกต่างกันมีผลต่อความคิดเห็นต่อการถ่ายทอดความรู้ที่แตกต่าง (p-value < 0.05) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ในส่วนของเชิงคุณภาพ ได้นำข้อเสนอแนะมาปรับปรุงแอปพลิเคชัน มีการเพิ่มเติมฟังก์ชันระบบการรายงานผลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานแอปพลิเคชันทั้งในระดับหน่วยงานและระดับกรม รวมไปถึงแสดงสถิติการเข้าใช้งานเป็นรายเดือนและรายปี ในส่วนของการพัฒนาการเชื่อมต่อระบบ สามารถดึงฐานข้อมูลรายชื่อหน่วยงานในสังกัดกรมราชทัณฑ์ทั่วประเทศมาไว้ในฐานข้อมูลแอปพลิเคชันผ่านระบบเครือข่าย GIN เพื่อสะดวกต่อการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในการเรียกดูข้อมูลผู้ต้องขังและนำข้อมูลไปดำเนินการต่อในระบบแอปพลิเคชัน นอกจากนี้ยังได้หน่วยงานที่จะมารับช่วงต่อในการพัฒนาแอปพลิเคชัน คือ สำนักงานส่งเสริมสัมมาชีพและผลิตภัณฑ์เพื่อการพัฒนาพฤตินิสัย กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นโครงสร้างใหม่ และได้มีการเพิ่มเติมกระบวนการเชิญชวนให้กลุ่มตัวได้เข้ามามีส่วนร่วม โดยการจัดทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ และการทำแบบฟอร์มยินยอมในการเข้าร่วมสำหรับผู้ประกอบการ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทั้งกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม