การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างกลไกการขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันกับภาคีที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยชุมชนบางแม่หม้าย จังหวัดสุพรรณบุรี 2) เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านบางแม่หม้ายอย่างมีส่วนร่วม 3) เพื่อออกแบบเส้นทางและกิจกรรมการท่องเที่ยวชุมชนสัมผัสวัฒนธรรมบ้านบางแม่หม้าย 4) เพื่อเสนอกระบวนการการบริหารจัดการที่พักสัมผัสวัฒนธรรมโดยชุมชนบางแม่หม้ายแบบมีส่วนร่วม 5) เพื่อบูรณาการการจัดการความรู้ด้านการตลาดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยชุมชนจากโมเดลการตลาดต้นแบบสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายแบบเฉพาะ และ 6) เพื่อบูรณาการการจัดการความรู้ด้านการจัดการการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยชุมชนสู่การขยายผลในพื้นที่ชุมชนบางแม่หม้ายเพื่อนำไปสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยชุมชนอย่างยั่งยืน เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี ระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ การวิจัยเชิงคุณภาพ และการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม มีผลการศึกษา พบว่า
การบูรณาการการจัดการความรู้สู่การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบนฐานทรัพยากรชุมชนอย่างยั่งยืน หัวใจของการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยชุมชนนั้นคือ การพัฒนาคน ซึ่งคนนั้นจะเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนระบบและไกการบริหารจัดการภายในชุมชน ดังนั้นการมีระบบและกลไกในการบริหารจัดการที่ดีย่อมนำไปสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวที่ดีด้วยเช่นกัน และเมื่อชุมชนใดประสบความสำเร็จในการใช้ระบบและกลไกที่ดีแล้วนั้น สิ่งที่จะทำให้เกิดประโยชน์ได้ในวงกว้างหรือการเป็นต้นแบบการเรียนรู้ให้กับชุมชนอื่นๆ ก็คือ การจัดการความรู้ (KM) ซึ่งชุมชนบางแม่หม้ายนั้นก็ได้มีการจัดการความรู้เกี่ยวกับระบบและกลไกการบริหารจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชนที่สามารถจำแนกตามเครื่องมือการจัดการความรู้ได้ 7 รูปแบบ ได้แก่ 1. การเรียนรู้จากบทเรียนที่ผ่านมา (Lesson Learned) 2. การหาทีมงานมืออาชีพ (Professional Team Leaders) 3. การตั้งเป้าหมายร่วมกัน (Goal Setting) 4. การเพิ่มความรู้และทักษะ (Re-skill & Upskill) 5. การลงมือปฏิบัติอย่างมีส่วนร่วม (Participatory Action) 6. การผลักดันชุมชนสู่ความสำเร็จ (The Happiness Advantage) และ 7. จับเข่าคุยกัน (After action review : AAR)