มหาวิทยาลัยพะเยาได้ตั้งปณิธานไว้ว่า “ปัญญาเพื่อความเข้มแข็งของชุมชน” จึงมีการดำเนินการวิจัยและการบริการวิชาการเพื่อให้เกิดการบูรณาการในการขับเคลื่อนองค์ความรู้ และการใช้ประสบการณ์จากคณะนักวิจัยที่เป็นขุมพลังแห่งปัญญาไปสู่การปฏิบัติจริงในชุมชน ซึ่งในปัจจุบันได้มีการกระจายภารกิจและการดำเนินงานแบบมีส่วนร่วมกับชุมชน เช่น การศึกษาวิจัยและการค้นคว้าหาข้อมูลปัญหาที่เกิดขั้นและความจำเป็นพื้นฐานของชุมชน ตลอดจนแนวทางในการเรียนรู้ร่วมกันในการพัฒนาชุมชนให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งจากการศึกษาข้อมูลเกษตรกรในจังหวัดพะเยาและภาคเหนือตอนบนเขตสอง (พะเยา เชียงราย แพร่ น่าน) พบว่าประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก โดยเฉพาะการปลูกข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลังและฟักทอง ในขณะที่ด้านการทำปศุสัตว์จะผลิตสัตว์เศรษฐกิจ ได้แก่ สุกร ไก่เนื้อ ไก่ไข่และ โคเนื้อ ซึ่งมีปัญหาหลักที่พบ คือ ในการดำเนินงานยังขาดเทคโนโลยีเพื่อการดำเนินงานทำให้ต้นทุนการผลิตสูง ราคาของผลผลิตบางฤดูกาลตกต่ำ เช่น เมล็ดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การทิ้งเนื้อฟักทองที่เหลือจากการแคะเมล็ด การเผาเปลือกและซังข้าวโพด ซึ่งทำให้เกิดปัญหาหมอกควันทุกๆปี ทางคณะเกษตรศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยพะเยา จึงได้เริ่มพัฒนาโครงการที่สร้างขบวนการขับเคลื่อนเรียนรู้ร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีคณาจารย์ บุคลากรและนิสิต ได้เข้าไปร่วมเรียนรู้ และ ทำกิจกรรมร่วมกับชุมชน โดยมีความร่วมมือกับสถานีวิจัยทดสอบพันธุ์สัตว์พะเยา สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดพะเยา และ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำหรับการดำเนินงานเบื้องต้นที่ผ่านมาได้มีการอบรมเกษตรกรไปกว่า 500 ราย มีการเริ่มดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์บริการเพื่อการนำวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรซึ่งมีมากในจังหวัดพะเยามาใช้เป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตอาหารสัตว์ตามยุทธศาสตร์ด้านการเกษตรของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนเขตสอง (พะเยา เชียงราย แพร่ น่าน) มีการอบรมเกษตรกรไปมากกว่า 30 ครั้ง จำนวนเกษตรกรมากกว่า 2,000 ราย (มกราคม-มีนาคม 2557) ประกอบไปด้วย กิจกรรมย่อย 4 กิจกรรม ได้แก่ (1) การอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อผลิตอาหารหมักจากเปลือก ซังและต้น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (2) การอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อผลิตอาหารข้นจากวัสดุทางการเกษตรที่หาง่ายในท้องถิ่น (3) การอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการผลิตสัตว์) (4) การวิเคราะห์และประเมินผล การดำเนินงาน ตลอดจนข้อเสนอแนะเพื่อให้ชุมชนสามารถดำเนินกิจกรรมต่อไปได้ และเมื่อเกษตรกรที่ร่วมโครงการได้รับการเรียนรู้แล้วจะเป็นกลุ่มเกษตรกรที่มีองค์ความรู้ ความเข้าใจ และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปฏิบัติจริงได้ (Learning for learners) มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ให้ได้เป็นองค์ความรู้สำหรับเป็นชุมชนต้นแบบการเรียนรู้เพื่อบริการและ การถ่ายทอดเทคโนโลยีแบบครบวงจรในพื้นที่ (One stop service) และทำให้ได้เกษตรกร ที่มี ความสามารถในการนำความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดแก่เกษตรกรอื่นๆ ได้ (Delivery service) เพื่อเพิ่มรายได้ เสริมจากการใช้วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรมาเพิ่มมูลค่า และลดปัญหา ที่เกิดจากการเผาวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรในพื้นที่ ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนต่อไป รองรับกระบวนการด้านปศุสัตว์เชิงระบบเพื่อมุ่งเป้าสู่การตลาดในเขตภาคเหนือและขยายโอกาสสู่ระดับอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม