กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักปลอดภัยบ้านหนองบัวน้อย
จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นกลุ่มที่มีทักษะการผลิตสินค้าเกษตร
มีทักษะความรู้ในการผลิตพืช มีหนองน้ำสาธารณะ แต่มีข้อจำกัดการเพาะปลูกด้วยวิธีดั้งเดิม
ผลผลิตยังไม่ได้มาตรฐาน GAP กำลังการผลิตไม่สม่ำเสมอ ขายแบบดั้งเดิม ตลาดรับซื้อไม่แน่นอน ไม่มีการเพิ่มมูลค่าสินค้า
ช่องทางการเข้าถึงตลาดสมัยใหม่น้อยมาก ผู้บริโภคต้องการบริโภคสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ
ปลอดภัยและได้มาตรฐานมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จึงมีความจำเป็นในการศึกษางานวิจัยเรื่อง การส่งเสริมการเข้าสู่ตลาดสมัยใหม่ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักปลอดภัย
บ้านหนองบัวน้อย จังหวัดกาฬสินธุ์
การวิจัยนี้
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการผลิตผักให้มีความปลอดภัยได้มาตรฐาน GAP ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักปลอดภัยบ้านหนองบัวน้อย จังหวัดกาฬสินธุ์ และเพื่อพัฒนาและยกระดับการขายสินค้าเกษตรในตลาดสมัยใหม่
มีพื้นที่ศึกษา ได้แก่ บ้านหนองบัวน้อย หมู่ 3 ตำบลหนองตอกแป้น อำเภอยางตลาด
จังหวัดกาฬสินธุ์ และกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วม ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนปลูกผักปลอดภัยบ้านหนองบัวน้อย
และเกษตรกรปลูกผักบ้านหนองบัวน้อย หมู่ 3 ตำบลหนองตอกแป้น
อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 75 คน วิธีการวิจัยแบ่งเป็นส่งเสริมการผลิตผักปลอดภัยเพื่อมาตรฐานสินค้าเกษตร
การตรวจรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร GAP และการส่งเสริมการเข้าสู่การตลาดยุคใหม่
โดยการรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ ซึ่งมีการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่
การประเมิน การสัมภาษณ์ การสอบถาม แบบมีส่วนร่วม การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ
การสังเกต และการบันทึกภาพ
ผลการวิจัยพบว่า 1) การพัฒนาระบบการผลิตผักให้มีความปลอดภัยได้มาตรฐาน GAP ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักปลอดภัยบ้านหนองบัวน้อย จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มีการส่งเสริมการผลิตผักปลอดภัยเพื่อมาตรฐานสินค้าเกษตร
และการตรวจรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร GAP ส่งผลทำให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้รับใบรับรองมาตรฐาน
GAP ผัก 3 ชนิด ได้แก่ ผักกาดหอม (ตระกูลสลัดทั้งหมด) จำนวน
14 คน ผักกวางตุ้งดอก/ใบ จำนวน 17 คน และผักคะน้า จำนวน 17 คน 2) การพัฒนาและยกระดับการขายสินค้าเกษตรในตลาดสมัยใหม่ ได้มีการส่งเสริมการตลาดและการบริโภคสินค้าเกษตรปลอดภัย
การฝึกอบรมด้านการตลาดสมัยใหม่แก่เกษตรกร และการเชื่อมโยงตลาดสินค้าเกษตรปลอดภัย ทำให้เกษตรกรได้รับความรู้แก่เกษตรกรด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าของกลุ่มเกษตรกร
เพื่อให้เกิดความนิยมและการยอมรับจากผู้บริโภค ตลอดจนสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์
เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความพอใจสูงสุดจากสินค้าและบริการของกลุ่มเกษตรกร นอกจากนี้
เกษตรกรมีช่องทางการตลาดสมัยใหม่ 2 ช่องทาง ได้แก่ ช่องทางเพจเฟสบุ๊คชื่อ “สวนปันฮัก ผักอารมณ์ดี
บ้านหนองบัวน้อย” และช่องทางไลน์ ชื่อ “สวนปันฮัก ผักอารมณ์ดี บ้านหนองบัวน้อย”
ที่สำคัญทำให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีรายได้เฉลี่ยสุทธิต่อคนต่อปี
เพิ่มขึ้นร้อยละ 187.80 ของรายได้ก่อนเข้าร่วมโครงการของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ
แบ่งเป็นรายได้เฉลี่ยสุทธิต่อคนต่อปีผ่านช่องทางออฟไลน์เพิ่มขึ้นร้อยละ 124.29
และรายได้เฉลี่ยสุทธิต่อคนต่อปีผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นร้อยละ 63.51 ของรายได้ก่อนเข้าร่วมโครงการ
เปรียบเทียบกับก่อนดำเนินโครงการ เกษตรกรส่วนใหญ่สามารถใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการทำการเกษตร
และแหล่งอาหารพืชผักปลอดภัยของชุมชนและยั่งยืนครัวเรือนสร้างรายได้จากการจำหน่ายพืชผัก
ตลอดจนเกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน