โรคไม่ติดต่อ (Non Communicable Diseases) เป็นสาเหตุการตายในลำดับต้นๆ ของทุกประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ในปีหนึ่งๆ ประชากรทั่วโลกประมาณ 36 ล้านคน เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อ โดยที่ร้อยละ 80 ของผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นในประเทศที่กําลังพัฒนา และมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้เสียชีวิตมีอายุตํ่ากว่า 70 ปี ซึ่งจัดว่าเป็นการ เสียชีวิตก่อนวัยอันควร การเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อ ไม่เพียงแต่ส่งผลให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรเท่านั้นยังส่งผลต่อความผาสุกและคุณภาพชีวิตของผู้เจ็บป่วย รวมทั้งค่าใช้จ่ายทาง ด้านสขุภาพ ซึ่งประเทศไทยตอ้งเสียค่าใช้จ่ายด้านสขุภาพเนื่องจากการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเป็นเงินถึง 3 แสนล้านบาทต่อปี องค์การอนามัยโลกได้กําหนดปัจจัยเสี่ยงหลักดั้งเดิมของโรคไม่ติดต่อ ไว้ 4 ประการ ได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขภาพ และการขาดการออกกําลังกาย ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกได้จัดลําดับการสัมผัสมลพิษสิ่งแวดล้อมไว้ในกลุ่มปัจจัยเสี่ยง 10 อย่างของการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อ ซึ่ง ผลลัพธ์ที่ไม่พึงปรารถนาทางด้านสุขภาพที่เกิดจากมลพิษสิ่งแวดล้อมร่วมกับวิถีการใช้ชีวิตเป็นสาเหตุของการเกิดโรคไม่ติดต่อถึงร้อยละ 75 แต่เนื่องจากโรคไม่ติดต่อเป็นโรคที่ ป้องกันได้ ดังนั้นจึงสมควรที่จะมีนโยบายสาธารณะที่ให้ความสําคัญกับการแก้ปัญหาที่ท้าทายนี้ ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียหลักและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรให้ความสนใจในการแก้ไข ปัญหาอย่างจริงจังโดยการออกมาร่วมกันผลักดันให้เกิดนโยบายสาธารณะในการจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันโรคไม่ติดต่อในชุมชน จังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีอัตราการป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อสูง แต่จังหวัดยังไม่มีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการมลพิษสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันโรคไม่ติดต่อ ดังนั้น โครงการความร่วมมือระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์กับมหาวิทยาลัยมหิดลจึงเกิดขึ้น เพื่อร่วมมือกันในการพัฒนาต้นแบบการจัดการสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อป้องกัน โรคไม่ติดต่อและนำไปใช้ขยายผลต่อยอดให้เกิดประโยชน์กับพื้นที่อื่นต่อไป