โครงการจัดการความรู้ และถ่ายทอดเทคโนโลยีครั้งนี้เป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้ และเทคโนโลยีเพื่อการติดตามการเผาหรือจุดความร้อน (Fire Hotspot) สู่ชุมชนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายร่วมกับสถานีควบคุมไฟป่า 5 สถานีได้แก่ สถานีควบคุมไฟป่าดอยตุงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สถานีควบคุมไฟป่าดอยแม่สลอง สถานีควบคุมไฟป่าลำน้ำกก สถานีควบคุมไฟป่าภูชี้ฟ้าอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และสถานีควบคุมไฟป่าขุนแจ ผลการลงพื้นที่พบว่ามีจำนวนผู้เข้าร่วมรับการถ่ายทอดองค์ความรู้รวมทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 3,049 คน โดยอำเภอแม่สายเป็นพื้นที่ๆมีผู้เข้ารับการถ่ายทอดเทคโนโลยีในครั้งนี้มากที่สุดคือ 498 คนรองลงมาคือ อำเภอเมืองเชียงราย เวียงแก่น เชียงของ แม่สรวย แม่ฟ้าหลวง แม่จัน เวียงป่าเป้า พญาเม็งราย เชียงแสน ดอยหลวง ขุนตาล พาน เวียงชัย เทิง และ อำเภอ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง โดยมีจำนวนผู้เข้าร่วมรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ตามลำดับดังต่อไปนี้ 459, 438, 382, 275, 175, 137, 102, 99, 99, 81, 77, 73, 61, 60 และ 31 คน ตามลำดับ ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายพบว่าประชาชนในแต่ละพื้นที่มีองค์ความรู้ที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามพบว่าประชาชนส่วนใหญ่รู้ว่าดาวเทียมสามารถติดตามการเผาได้ แต่ในรายละเอียดต่างๆของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องนั้นประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีองค์ความรู้มาก่อน ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการอ่านแผนที่ การรับรู้การเกิดจุดความร้อนในพื้นที่ของตนเอง ถึงแม้นว่าประชาชนบางกลุ่ม เคยได้ยินหรือรู้จัก Chaiangrai Hotspot Application มาบ้างแล้วก็ตาม แต่ยังไม่เคยใช้ Chaiangrai Hotspot Application ในการติดตามการเผาในพื้นที่ของตนเองมาก่อน นอกจากนี้ยังพบว่าบางพื้นที่ประชาชนไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อการติดตามการเผาหรือจุดความร้อนมาก่อน และไม่เคยได้ยินหรือรู้จัก Chaiangrai Hotspot Application ได้แก่ ชุมชนในพื้นที่ ตำบลแม่เงิน ทุ่งก่อ ป่าซาง ดงมหาวัน ตาตควัน แม่เปา แม่ต๋ำ เม็งราย ไม้ยา แม่จัน แม่ไร่ ศรีค้ำจันจว่า จอมสวรรค์ ป่าซาง เวียงกาหลง สันสลี ป่างิ้ว บ้านโป่ง แม่เจดีย์ใหม่ และตำปอ ทั้งนี้พบว่าประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวนี้อยู่ในพื้นที่ห่างไกลยากแก่การเข้าถึงอีกทั้งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ดังนั้นในกลุ่มดังกล่าวนี้จะใช้เวลาในการถ่ายทอดองค์ความรู้นานกว่ากลุ่มที่เคยรับรู้หรือมีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อการติดตามการเผาหรือจุดความร้อนมาก่อนอย่างไรก็ตามหลังจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อการติดตามการเผาหรือจุดความร้อนให้กับประชาชนแล้วพบว่าประชาชนส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อการติดตามการเผาหรือจุดความร้อน “Fire Hotspot” ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายมากยิ่งขึ้น และสามารถใช้ Chiangrai Hotspot Application ในการติดตามความร้อนในพื้นที่ของตนเองได้ อย่างไรก็ตามจากการลงพื้นที่พบว่าประชาชนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธ์ โดยส่วนใหญ่เป็นชาวอาข่าทำให้การสื่อสาร และการถ่ายทอดองค์ความรู้เป็นไปได้ยากลำบาก ดังนั้นต้องอาศัยผู้แปล (ล่าม) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ดังนั้นเพื่อการสื่อสารที่ตรงกันควรทำสื่อที่เป็นภาษาท้องถิ่นด้วย