งานวิจัยเล่มนี้เป็นโครงการ การถ่ายทอดเทคโนโลยี “ศูนย์เรียนรู้และฟาร์มสาธิตการเลี้ยงปลานิลเพื่อความยั่งยืนของชุมชน” คณะผู้ดำเนินโครงการสำรวจพื้นที่ได้ข้อสรุป ดังนี้มีการสร้างศูนย์เรียนรู้และฟาร์มสาธิตการเลี้ยงปลานิลเพื่อความยั่งยืนของชุมชนขึ้น 2 แห่ง คือ
- หมู่บ้านภูมิปัญญาท้องถิ่น เมืองนคร ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช (เป็นศูนย์เรียนรู้)
- สหกรณ์การเกษตรพนมวังก์ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง (เป็นฟาร์มสาธิต)
โดยมุ่งเน้นการผลิตปลานิลรูปแบบกระชังในลักษณะปลาเนื้อตามความต้องการของตลาด ซึ่งทั้ง 2 แห่งเป็นกลุ่มเกษตรกรรายย่อย มีการเลี้ยงปลานิลตามวิถีชาวบ้าน พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ประสบปัญหาขาดทุน เนื่องจากรูปแบบการเลี้ยงปลานิล ไม่มีการจัดระบบสุขลักษณะของฟาร์มเลี้ยงให้เหมาะสม ซึ่งส่งผลต่อการระบาดของโรคปรสิตและแบคทีเรียโดยเฉพาะ Aeromonas spp. และ Streptococcus spp. รวมถึงการจัดการคุณภาพน้ำ โดยเฉพาะปริมาณออกซิเจนละลายน้ำ จึงทำให้ผลผลิตปลานิลของเกษตรกรเสียหาย รวมถึงปัญหาต้นทุนการผลิตสูง เนื่องจากต้องซื้ออาหารสำเร็จรูป
คณะผู้ดำเนินโครงการพร้อมด้วยเกษตรกรผู้นำทั้ง 2 แห่ง จัดประชุม KM เพื่อวางแผนการถ่ายทอดเทคโนโลยีต่าง ๆ ดังนี้ องค์ความรู้ และระบบการจัดการฟาร์มเลี้ยงปลานิลในกระชัง, การพัฒนาระบบการจัดการการป้องกัน และควบคุมโรคในฟาร์มปลานิล, การผลิตสารสมุนไพรเพื่อควบคุมเชื้อแบคทีเรียก่อโรค, การผลิตอาหารปลาโดยใช้ วัตถุดิบในท้องถิ่น, ระบบบัญชีและการจัดการต้นทุนการเลี้ยงปลานิล ให้แก่เกษตรกรผู้สนใจ, หน่วยงาน ราชการ, นักเรียน, นักศึกษา เป็นต้น คณะผู้ดำเนินโครงการได้จัดอบรมการถ่ายทอดเทคโนโลยีต่าง ๆ พร้อมคู่มือ “เทคโนโลยีการเลี้ยง ปลานิลเพื่อสร้างอาชีพ และความยั่งยืนของชุมชน” ให้แก่ เกษตรกรผู้นำที่มาจากหมู่บ้านภูมิปัญญาท้องถิ่นเมืองนคร ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และเกษตรกรเลี้ยงปลานิลของสหกรณ์การเกษตรพนมวังก์ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง นอกจากนี้ยังมีเกษตรกรผู้สนใจบ้านวังไทร ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยหน่วยงานต่าง ๆ นักเรียน นักศึกษาที่สนใจ เข้าร่วมรับฟังการบรรยายและลงมือปฏิบัติ พร้อมลงพื้นที่ฟาร์ม สาธิตเพื่อศึกษาดูงาน ซึ่งในการถ่ายทอดเทคโนโลยีฯ ต่าง ๆ มีผู้สนใจเข้าร่วมการอบรม ทั้งหมด 195 คน จาก แผนที่วางไว้ 165 คน ซึ่งมากกว่าแผนที่ตั้งไว้จำนวน 30 คน แสดงให้เห็นว่าการถ่ายทอดเทคโนโลยีของ โครงการฯ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากเกษตรกรและผู้สนใจ ทั้งนี้จากการตอบแบบสอบถามแสดงให้เห็นว่า ความรู้ที่ได้รับจากการอบรม และเข้าเยี่ยมชมศึกษาดูงาน ณ ศูนย์เรียนรู้ และฟาร์มสาธิตนั้นสามารถนำไปใช้ ประโยชน์ในการประกอบอาชีพได้อย่างดี โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามถึงการนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ถึง ร้อยละ 95 หลังจากเกษตรกรผู้นำ และเกษตรกรผู้เลี้ยงปลานิลที่สนใจเข้าร่วมรับฟังการถ่ายทอดเทคโนโลยีฯ ต่าง ๆ ทำให้เกษตรกรดังกล่าวสามารถเพิ่มอัตราการรอดตายของปลานิลได้มากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์, สร้างกำไร จากการเลี้ยงปลานิลในรอบการเลี้ยง 40-45 เปอร์เซ็นต์ ต่อ 1 กระชัง และสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ได้รับ ให้แก่เกษตรกรรายเก่า, รายใหม่ และผู้สนใจต่อไป